นายจอห์น โรส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีระดับโลก และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่าย AI เดลล์ เทคโนโลยีส์ พร้อมด้วย ปีเตอร์ มาร์ส ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีน ได้สรุปแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ พร้อมกลยุทธ์ของเดลล์เพื่อเร่งขับเคลื่อนการใช้งาน AI และนวัตกรรมภายในภูมิภาค พบว่า การนำ AI เอเจนต์ มาใช้งานเพิ่มขึ้น เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยองค์กรอย่าง Zoho ในประเทศอินเดียได้ทำงานร่วมกับเดลล์เพื่อเร่งนำ AI เอเจนต์มาใช้งานได้รวดเร็ว ผ่านโซลูชัน AI ในระดับองค์กรที่เข้าใจบริบทการใช้งานในองค์กร โดยให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นอันดับแรก อีกทั้งรองรับการทำงานได้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ AI ได้กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกองค์กรในภูมิภาค และสิ่งที่เดลล์ทำคือการสร้างรากฐานร่วมกับลูกค้าเพื่อให้สามารถนำ AI ไปใช้งานในระดับองค์กรได้สำเร็จ”
จอห์น โรส เน้นย้ำว่า อุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่ยุคของเอเจนต์อัตโนมัติ ซึ่ง AI เอเจนต์กำลังพัฒนาจากผู้ช่วยไปสู่การเป็นผู้จัดการหลักในกระบวนการที่ซับซ้อนและดำเนินการต่อเนื่องเป็นเวลานาน พร้อมกล่าวว่า “เมื่อผู้คนเริ่มก้าวสู่เส้นทางการใช้งาน AI เอเจนต์ ในปี 2026 คนเหล่านี้จะประหลาดใจกับสิ่งที่ AI เอเจนต์สามารถทำได้มากเกินความคาดหมาย ซึ่งการมี AI เอเจนต์จะช่วยสร้างคุณค่าให้มนุษย์ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยให้ทำงานที่ไม่ต้องอาศัย AI ได้ดียิ่งขึ้น”
ในขณะที่อุตสาหกรรมยังคงพัฒนาและใช้งาน AI ระดับองค์กรอย่างต่อเนื่อง จอห์น โรส เน้นย้ำถึงความจำเป็นของธุรกิจในการทบทวนวิธีปฏิบัติและสร้าง AI Factories ที่มีความยืดหยุ่น “เดลล์ เป็นผู้นำในด้านนี้ โดยผสานรวมสองโลกเข้าด้วยกัน ทั้ง AI Factories ระบบกู้คืนทางไซเบอร์ ความยืดหยุ่น ระบบเก็บข้อมูลแยกส่วน และการปกป้องข้อมูล เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินงานได้อย่างมั่นคงต่อเนื่อง”
การเร่งพัฒนา AI ด้วยระดับความเร็วสูง ย่อมทำให้เกิดความผันผวนอยู่บ้าง โดยจอห์น โรส คาดการณ์ว่า ความต้องการกรอบการกำกับดูแลที่เข้มงวด รวมถึงสภาพแวดล้อม AI แบบปิดและควบคุมได้ จะกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมกับเรียกร้องให้ภาคอุตสาหกรรมสร้างแนวป้องกันด้าน AI ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน
“ปีที่แล้ว เราคาดการณ์ว่า “เอเจนต์” จะเป็นคำสำคัญของปี 2025 สำหรับปีนี้คำว่า “การกำกับดูแล” จะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น เทคโนโลยีและกรณีใช้งานต่างๆ จะไม่ประสบความสำเร็จ หากขาดซึ่งระเบียบวินัยและการกำกับดูแลที่ชัดเจนในการดำเนินกลยุทธ์ด้าน AI ไม่ว่าจะในระดับองค์กร ระดับภูมิภาค หรือระดับประเทศก็ตาม” จอห์น โรส กล่าว
จอห์น โรส ยังเน้นย้ำว่า “ความซับซ้อนอันดับหนึ่งของการก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วคือ การวางโครงสร้างด้านการกำกับดูแล ซึ่งประกอบด้วยกฎเกณฑ์ที่ผู้คนสามารถเข้าใจและปฏิบัติตามได้ รวมถึงแนวทางในการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นที่เป็นเรื่องสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ในระดับประเทศ ระบบนิเวศของ Sovereign AI ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก AI กำลังกลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลประโยชน์ของรัฐ ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวถึงแรงขับเคลื่อนของแนวโน้มดังกล่าว พร้อมชี้ให้เห็นว่า เช่นเดียวกับหลายประเทศในภูมิภาค องค์กรต่างๆ กำลังสร้างกรอบการทำงานของตนเอง เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมในระดับท้องถิ่นด้วยรากฐานอันแข็งแกร่งที่มีอยู่
ปีเตอร์ มาร์ส กล่าวเสริมว่า Sovereign AI กำลังก่อให้เกิดกระแสใหม่ของเศรษฐกิจและระบบนิเวศด้าน AI ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจ ในยุคเศรษฐกิจ AI ที่กำลังเติบโต โดยยกตัวอย่างความร่วมมือกับลูกค้าอย่าง Macquarie Data Centres ในประเทศออสเตรเลีย และ NAVER Cloud ในประเทศเกาหลีใต้ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของนวัตกรรม AI ที่น่าเชื่อถือ