เด็กเกิดใหม่ในไทยหดหายมากอันดับ 3 เอเชีย ติดลบกว่า 79% ใน 7 ทศวรรษผ่านมา ไทยมีเด็กเกิดใหม่ต่ำสุดอันดับ 1 ในอาเซียน

เด็กเกิดใหม่ ในไทยหดหายมากอันดับ 3 เอเชีย ติดลบกว่า 79% ใน 7 ทศวรรษผ่านมา ไทยมีเด็กเกิดใหม่ต่ำสุดอันดับ 1 ในอาเซียน

องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เปิดเผยรายงานที่ชื่อว่า มุมมองประชากรโลก 2022 ของสหประชาชาติ หรือ U.N. World Population Prospects 2022 พบว่า ในช่วงระยะเวลาปี 1950 ถึง 2021 ประเทศไทยมีอัตราเด็กเกิดใหม่ติดลบอย่างรุนแรงมากถึง -79% ในช่วงระยะเวลา 70 ปีดังกล่าว ส่งผลให้ประเทศไทยมีอัตราเด็กเกิดใหม่ลดลงต่ำที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเอเชีย และยังทำสถิติลดลงต่ำมากที่สุดอันดับ 1 ในกลุ่มประเทศอาเซียน

รายงานดังกล่าวได้จัดอันดับทั้งหมด 17 ประเทศที่มีอัตราเด็กเกิดใหม่ลดลงต่ำที่สุดในช่วงระยะเวลาดังกล่าวมีดังนี้

  1. เกาหลีใต้ -86%
  2. จีน -81%
  3. ไทย -79%
  4. ญี่ปุ่น -77%
  5. อิหร่าน -73%
  6. ซาอุดีอาระเบีย -67%
  7. มาเลเซีย -66%
  8. อินเดีย -63%
  9. บังคลาเทศ -62%
  10. เมียนมา -62%
  11. เวียดนาม -61%
  12. อินโดนีเซีย -60%
  13. เนปาล -57%
  14. ฟิลิปปินส์ -56%
  15. เยเมน -42%
  16. อิรัก -40%
    และ 17. ปากีสถาน -37%

สำหรับในกลุ่มประเทศอาเซียนพบว่า

  1. ไทย -79%
  2. มาเลเซีย -66%
  3. เมียนมา -62%
  4. เวียดนาม -61%
  5. อินโดนีเซีย -60%
    และ 6. ฟิลิปปินส์ -56%
    อัตราส่วนเด็กเกิดใหม่ดังกล่าว เรียกว่า Crude Birth Rate เป็นการเทียบสัดส่วนจำนวนเด็กเกิดใหม่มีกี่คนต่อจำนวน 1,000 คนในรายปี

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลกที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ (Aged Society) ในปี 2565 ในอีก 9 ปีถัดไปจะกลายเป็นสังคมสูงอายุแบบสุดยอด (Hyper-Aged Society) ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วกว่าญี่ปุ่น โดย 80% ของประชากรสูงอายุ จะมีรายได้เฉลี่ยต่อปีระดับกลางลงล่าง แต่ค่าใช้จ่ายจะมีแนวโน้มขยายตัวเฉลี่ยมากกว่า 5% ต่อปี หรือไม่ต่ำกว่า 350,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งประเด็นปลายเปิดอยู่ที่ค่าใช้จ่ายด้านรักษาพยาบาลที่เชื่อมโยงกับความเจ็บป่วย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles