กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เดือนพฤศจิกายน 2024 ว่าความเสี่ยงที่มีต่อเศรษฐกิจเอเชียจะเพิ่มสะสมขึ้นจากความตึงเครียดการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น วิกฤตอสังหาริมทรัพย์จีน ความเป็นไปได้สูงกับสภาพตลาดทุนผันผวนหนักและรุนแรง
นอกจากนี้ ภาวะแรงกดดันของราคาสินค้าจีนที่ลดลงจะนำไปสู่ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศต่อเนื่อง โดยจะสร้างผลเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศรอบข้างจีนที่มีโครงสร้างการส่งออกคล้ายคลึงกับการส่งออกของจีน รัฐบาลจีนจะต้องดำเนินมาตรการหลายขั้นตอนในการทำให้เกิดความสำเร็จกับการฟื้นฟูความต้องการบริโภคภายในประเทศจีนเพื่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจีนเองในอนาคต
ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยในรายงานต่อไปว่า ภาวะเศรษฐกิจจีนที่เผชิญกับความซบเซานานกว่าที่คาด และซบเซามากกว่าที่ประเมินไว้ อาจกลายเป็นสิ่งที่อันตรายต่อทั้งเศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก นโยบายเศรษฐกิจจีนที่จะตอบสนองต่อการฟื้นฟูนั้นจึงมาถึงจุดสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะนโยบายการเอื้ออำนวยให้เกิดการฟื้นและปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ในขณะเดียวกัน สร้างความแข็งแกร่งให้กับความต้องการบริโภคในประเทศ
ไอเอ็มเอฟ ได้ปรับขึ้นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเอเชียอีก 0.1% ของทั้ง 2 ปี ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีจีดีพีในปี 2024 และ 2025 จะขยายตัวเป็น 4.6% และชะลอเหลือ 4.4% ตามลำดับ ด้วยการเข้าสู่ภาวะลดลงของดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางทั่วโลก จะกลายเป็นปัจจัยเร่งการกลับมาบริโภคของภาคเอกชนที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นตัวเลขจีดีพีของเอเชียดังกล่าวนั้น กลับไม่ทำให้จีดีพีเอเชียในปีนี้และปีหน้าโตมากกว่าปี 2023 ผ่านมา ที่ขยายตัวสูงถึง 5.0%
สำหรับภาวะตลาดทุนโลกที่เผชิญกับความผันวนอย่างรุนแรงในช่วงกลางปีนี้ หรือนับตั้งแต่หลังการปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐนั้น ตลาดทุนโลกยังจะต้องเผชิญกับภาวะดังกล่าวเพิ่มเติม จากปัจจัยสำคัญ คือ การปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐท่ามกลางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางญี่ปุ่นในปี 2025 ถึงแม้ว่าภาวะตลาดทุนโลกจะหนีไม่พ้นความผันผวนรุนแรงในอนาคต และอาจไม่จำเป็นที่จะทำให้เกิดอันตราย แต่จะฉุดรั้งความมั่นใจและการลงทุนของผู้บริโภค