เทมู (Temu) แพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังระดับโลกจากประเทศจีน ซึ่งบริษัทพีดีดี โฮลดิงส์ (PDD Holdings) เป็นเจ้าของเทมู เปิดเผยว่าได้ปรับขึ้นราคาขายสินค้าระหว่าง 130% ถึง 150% ซึ่งเป็นผลมาจาก รัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs สูงถึง 145% ส่งผลให้ราคาขายสินค้าบนแพลทฟอร์มออนไลน์เทมูมีราคาเพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับราคาปกติก่อนหน้านี้ การปรับขึ้นราคาดังกล่าวมีผลมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา
สินค้าที่ขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์เทมูที่มีราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นนั้น เช่น ชุดราตรีสำหรับผู้หญิง หรือเดรส ที่จะมีวางขายในช่วงฤดูร้อนซึ่งกำลังจะมาถึงนั้น เดิมตั้งราคาขายบนแพลตฟอร์มเทมูที่ราคา 18.47 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 619 บาทต่อชุด แต่ต้องปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอีก 26.21 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 878 บาทต่อชุด หรือเพิ่มขึ้น 142% ทำให้ราคาขายใหม่จะอยู่ที่ 44.68 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,497 บาทต่อชุด
ชุดอาบน้ำเด็กตั้งราคาขายเดิมที่ราคา 12.44 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 417 บาทต่อชุด แต่ต้องปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอีก 18.68 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 625 บาทต่อชุด หรือเพิ่มขึ้น 150% ทำให้ราคาขายใหม่จะอยู่ที่ 31.12 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,043 บาทต่อชุด นอกจากนี้ เครื่องดูดฝุ่นสุญญากาศแบบมือถือ ตั้งราคาขายเดิมที่ราคา 16.93 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 567 บาทต่อชุด แต่ต้องปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอีก 21.68 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 726 บาทต่อชุด หรือเพิ่มขึ้น 137% ทำให้ราคาขายใหม่จะอยู่ที่ 40.11 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,344 บาทต่อชุด
นอกจากนี้เทมูยังตัดลดค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะการใช้จ่ายซื้อโฆษณาประชาสัมพันธ์บนสื่อออนไลน์ ในตลาดสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่วันที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs เมื่อวันที่ 2 เมษายนเป็นต้นมา ที่สำคัญ อันดับแอปพลิเคชั่นเทมูที่อยู่ในแอปเปิล สโตร์ ตกต่ำลง มาอยู่อันดับที่ 73 หลังจากที่ก่อนหน้านี้มักจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกอย่างสม่ำเสมอ สอดคล้องกับแอปพลิเคชั่นชีอิน(Shein) ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 54 ซึ่งตกต่ำลงจากอันดับ 15 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา แพลทฟอร์มขายปลีกออนไลน์รายใหญ่สัญชาติจีนระดับโลก ชีอิน( Shein) ซึ่งจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงแฟชั่นเสื้อผ้าชื่อดัง เปิดเผยว่า ได้ปรับขึ้นราคาขายสินค้าแทบทุกชนิด เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัว เครื่องสำอางผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาสุขภาพและผิวพรรณไปจนถึงเสื้อผ้าแฟชั่นและลำลองต่างๆ โดย สินค้าที่มียอดขายดี 100 อันดับแรกในกลุ่มเครื่องสำอาง และสุขภาพ ถูกปรับราคาขึ้น 51% จากราคาปกติ นอกจากนี้ยังมีสินค้าอีกหลากหลายประเภทในกลุ่มเดียวกันที่มีมีราคาปรับเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากปกติ
สินค้าที่อยู่ในประเภทอุปกรณ์และเครื่องใช้ในครัวและในบ้าน รวมถึงของเล่น ถูกปรับขึ้นราคาเฉลี่ยสูงกว่า 30% ในขณะที่ชุดผ้าทำความสะอาดห้องครัวมี 10 ชิ้นใน 1 เซ็ท ถูกปรับอากาศขึ้นมากที่สุดถึง 377% จากเดิม 1.28 ดอลลาร์ (43 บาท) เป็น 6.10 ดอลลาร์ (205 บาท) และสินค้าประเภทเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงถูกปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 8% จากปกติ
ภาพรวมทั่วไปของราคาสินค้าที่ขายบนแพลตฟอร์มของชีอิน ซึ่งส่งไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีราคาเพิ่มขึ้น 10% ในช่วงระหว่างวันที่ 24 ถึง 26 เมษายน ซึ่งเป็นผลมาจากการสุ่มสินค้าจำนวน 50 รายการมาเปรียบเทียบราคาขายในช่วงระยะเวลาดังกล่าวกับช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ ยังพบว่าในช่วงระหว่างวันที่ 24 ถึง 26 เมษายน ชีอินยกเลิกจำหน่ายสินค้าจำนวน 7 ออกจาก 50 รายการที่ขายในตลาดสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตามราคาสินค้าที่ขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ชีอินในตลาดสหราชอาณาจักรไม่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด รวมถึงไม่มีการตัดสินค้าใดใดออกจากรายการที่จำหน่ายตามปกติ
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2025 ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยว่า ได้ลงนามในคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐให้ดำเนินการเพิ่มอัตราการเก็บภาษีพัสดุ หรือแพคเกจจิ้งที่บรรจุสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือต่ำกว่า 28,000 บาทลงมา นับเป็นการลงนามเพื่อแก้ไขอัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ภายใน 8 วันผ่านมา
โดยเฉพาะสินค้าขายปลีกที่สั่งนำเข้ามาจากประเทศจีน โดยเพิ่มอัตราการจัดเก็บสูงถึง 4 เท่า ทำให้อัตราภาษีดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 90% เป็น 120% ให้มีผลวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 นี้ ดังนั้น อัตราภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้ต้นทุนในการจัดส่งสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือต่ำกว่า 28,000 บาท เพิ่มสูงขึ้นเป็น 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อชิ้น หรือกว่า 7,000 บาท มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2025 นี้