สมาคมค้าทองคำประกาศราคาขายทองคำในประเทศไทย รายงานว่าวันนี้ 5 เมษายน 2568 เมื่อเวลา 9.16 น. ปรับราคา -500 บาท ราคาทองคำแท่งรับซื้อ 49,600 บาท ราคาขายออก 49,700 บาท ด้านทองรูปพรรณรับซื้อ 48,709.08 บาท ราคาขายออก 50,500 บาท ส่งผลเป็นราคาทองคำแท่งที่หลุดระดับ 50,000 บาทเป็นครั้งแรกในรอบ 6 วันผ่านมา
ในสัปดาห์นี้ ราคาทองคำแท่งในไทยสุทธิ +100 บาท หรือ +0.20% โดยมีสถิติราคาทองคำแท่งแตะหลัก 50,000 บาทครั้งแรกและครั้งประวัติศาสตร์ และยังปิดเหนือ 50,000 บาทเป็นครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2015 นอกจากนี้ มีราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 50,650 บาทเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025 และในวันเดียวกันมีราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 51,250 บาท นับตั้งแต่ต้นปี 2568 มาถึงวันนี้ 5 เมษายน 2025 ราคาทองคำในไทยเพิ่มขึ้น +7,300 บาท หรือทะยานถึง +17.21%
ราคาทองคำส่งมอบทันที (Spot) ที่ตลาดสิงคโปร์ในวันเสาร์นี้ 5 เมษายน 2025 อยู่ที่ระดับ 3,038 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ที่สำคัญ มีราคาสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติศาสตร์ที่ระดับ 3,149 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายนผ่านไป และเมื่อวันที่ 1 เมษายนมีราคาปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 3,132.50 นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 5 เมษายน 2025 ราคาทองคำโลกเป็นราคาส่งมอบทันที หรือ Spot ที่ตลาดสิงคโปร์มีราคาสูงถึง +428.50 กว่า +16.42%
ย้อนกลับไปในคืนผ่านมาตลาดซื้อขายทองคำโลก นิวยอร์ก รายงานว่า วันที่ 4 เมษายน 2025 ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา พบว่า ราคาทองคำส่งมอบทันที หรือ Gold Spot ปิดที่ 3,024.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -82.79 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -2.9% ส่งผลราคาปิดร่วงลง 2 วันติดกันรวม -105.26 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ -3.75% ขณะที่ราคาต่ำสุดระหว่างวันลงแตะระดับ 3,015.29 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ขณะที่เมื่อคืนผ่านมา 3 เมษายน มีราคาสูงสุดระหว่างเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่ระดับ 3,167.57 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 27 มีนาคม 2025 ทองคำราคาส่งมอบทันที(Spot)ปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เกิดขึ้น 20 ครั้ง และมีราคาทะยานขึ้นกว่า 16% นอกจากนี้ สิ้นสุดไตรมาสที่ 1 พบว่าราคาทองคำพุ่งดีที่สุดในรอบ 39 ปี หรือตั้งแต่ปี 1986 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 มกราคมผ่านมา เป็นวันแรกที่ราคาทองคำปิดแตะหลัก 2,800 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ โดยครั้งสุดท้ายที่ราคาทองคำปิดสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์อยู่ที่ระดับ 3,129.46 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เมษายนผ่านมา
สาเหตุจากนักลงทุนยังคงเทขายทองคำตามสถานการณ์ภาวะถล่มเทขายตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รวม 2 วันติดกันถึงกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 172.5 ล้านล้านบาท และยังเป็นตลาดหุ้นสหรัฐที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 5 ปี หรือตั้งแต่วิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 นอกจากนี้ นักลงทุนทองคำที่ใช้เงินกู้มาลงทุนยังถูกบังคับขายจากการลงทุนที่ขาดทุนในวันพฤหัสบดีที่มีราคาทองคำตกต่ำมาก
ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกแข็งค่าขึ้น 0.7% ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวในคืนผ่านมาว่า ธนาคารกลางสหรัฐมีเวลาที่จะรอคอยข้อมูลให้มากกว่านี้ เพื่อที่จะตัดสินใจในการใช้อัตราดอกเบี้ยในทิศทางใด แต่ความสนใจของธนาคารสหรัฐอยู่ที่การสร้างความมั่นใจว่ามุมมอง หรือการคาดหวังเงินเฟ้อจะยังคงยึดแน่น ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะถ้าอัตราภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีสหรัฐมีผลต่อแรงกดดันด้านราคาให้เพิ่มขึ้น
ปัจจัยลบรุนแรงอีกอย่าง คือ กระทรวงคลังจีนประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ถึง 34% กับสินค้าทุกชนิดจากสหรัฐ และจำกัดการทำธุรกิจนำเข้าส่งออก 11 บริษัทของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจัดเก็บภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariffs กับ 185 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่ 10% ถึง 50% มีผลในวันที่ 5 เมษายนเป็นต้นไป ตามเวลาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอัตราเก็บภาษีดังกล่าวสูงเกินคาดหมายมากกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่หลายแห่งของโลก