นายปริสุทธิ์ รอดจากภัย ผู้อำนวยการฝ่ายสำรวจวิจัย บริษัท โปรสเปค แอพเพรซัล จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินราคาทรัพย์สิน เปิดเผยว่าสำรวจอัตราค่าเช่าอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมด 419 โครงการ ในช่วงต้นปี 2568 โดยเป็นการสำรวจการปล่อยเช่าอาคารชุดในแบบที่เป็นการปล่อยเช่าระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีพบว่าอัตราค่าเช่าอาคารชุดพักอาศัย ในทำเล คลองเตย, วัฒนา, สาทร, ปทุมวัน และ บางรัก ซึ่งเป็นทำเลเด่น มีจำนวนอาคารชุดพักอาศัยมากที่สุด มีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 40,000-150,000 บาทต่อเดือน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนอยู่ที่ 3-5% ต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง ทำเลที่ตั้งและบริการสาธารณูปโภคในโครงการ ถ้าอยู่ในแนวรถไฟฟ้าไม่เกิน 500 เมตร ติดถนนใหญ่ อัตราค่าเช่า และ ผลตอบแทนจากการลงทุนจะสูงกว่า ทำเลที่อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าเกิน 500 เมตร หรืออยู่ในซอย สะท้อนผู้เช่าจะเลือกทำเลใกล้แนวรถไฟฟ้า และแหล่งงาน ซึ่งเดินทางสะดวก ลดค่าใช้จ่ายเดินทาง และผลการสำรวจทั้ง 5 ทำเลนี้ มีอัตราการเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 80-90% ของห้องชุดที่มีการปล่อยเช่า
ส่วนทำเลธุรกิจใหม่เป็นอีกทำเลที่นิยมลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า มีอัตราการเช่าสูง ปล่อยเช่าได้ง่าย แต่ผลตอบแทนไม่สูงมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4% โดยเฉพาะในทำเลใกล้ถนน และ เข้าซอยไม่เกิน 500 เมตร หรือติดแนวรถไฟฟ้า ได้แก่ ทำเล จตุจักรตั้งแต่ ห้าแยกลาดพร้าว ถนนลาดพร้าว และ ถนนพหลโยธิน, ทำเลห้วยขวาง, ทำเลพญาไท ถนนพหลโยธิน, ทำเลคลองสาน บริเวณ ถนนกรุงธนบุรี ถนนเจริญนคร และ ทำเลบางซื่อ บริเวณถนนประชาราฏร์สาย 1-2, ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี โดยมีอัตราการปล่อยเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 75-80% แม้จะมีอัตราการปล่อยเช่าที่ต่ำกว่าย่านธุรกิจหลัก แต่ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ มีแนวโน้มดี และมีราคาขายที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับทำเลที่เป็นย่านธุรกิจหลัก แต่สามารถปล่อยเช่าได้ในอัตราที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับแนวโน้มของการปล่อยเช่าอาคารชุดพักอาศัย ภายหลังจากสถานการณ์ “แผ่นดินไหว” เมื่อวันที่ 28 มีนาคมมองว่าตลาดการปล่อยเช่าอาจจะได้รับผลกระทบเรื่องของความเชื่อมั่น แต่เชื่อว่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้น เพราะจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับความเสียหายไม่มากนัก และ เป็นความเสียหายที่ไม่กระทบกับโครงสร้างหลักของโครงการ ประกอบกับ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้ออกมาเร่งดำเนินการซ่อมแซม และ เยียวยา เจ้าของห้องชุด และ ผู้พักอาศัย อย่างทันท่วงที ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่กรุงเทพฯ มีพื้นที่พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเหลือไม่มากประกอบกับในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ และ ศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งงานที่สำคัญ ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะการเช่าอาศัยในอาคารชุดพักอาศัย จากผลการสำรวจของ SCB EIC พบว่า คนใน Generation Y (อายุ 28-44 ปี) และคนใน Generation Z (อายุ 15-27 ปี) เป็นคนในวัยที่เพิ่งเริ่มทำงาน ชอบเช่ามากกว่าซื้อ เพราะอาจจะมีการเปลี่ยนงาน ย้ายที่ทำงานบ่อย รายได้ยังไม่เพียงพอที่จะซื้อที่อยู่อาศัย เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง การเช่าจึงเป็นทางเลือก ดังนั้นการลงทุนซื้ออาคารชุดเพื่อปล่อยเช่า จึงยังเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุน เพียงแต่ต้องเลือกทำเลที่เหมาะสม เช่น ติดแนวรถไฟฟ้า โดยห้องชุดที่ได้รับความนิยมจะเป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ที่มีขนาด 30-60 ตารางเมตรต่อหน่วย