เศรษฐกิจจะแย่จะดียังไง น้ำยาปรับผ้านุ่มขายดีปีละ 7-8% ไทยยืนหนึ่งของโลกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มมากที่สุด

เศรษฐกิจจะแย่จะดียังไง น้ำยาปรับผ้านุ่มขายดีปีละ 7-8% ไทยยืนหนึ่งของโลกใช้ น้ำยาปรับผ้านุ่ม มากที่สุด

ธัญภัค ทองถาวรกุล ผู้อำนวยฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์กลุ่มซักผ้า ปรับผ้านุ่มและปรับอากาศ ดาวน์นี่ (ประเทศไทย) เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยในการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม พบว่า คนไทยมีการใช้ปริมา หรือเทน้ำยาปรับผ้านุ่มต่อครั้งจะเทเยอะมาก มีปริมาณการเทสูงที่สุดในโลก เทแบบหนักมือ มีการใช้มากกว่าค่ามาตรฐาน ผู้บริโภคนคนไทยบางคนไม่ได้วัดปริมาณ แต่เทตามใจฉัน เทตามความรู้สึกว่าจะทำให้ผ้านุ่ม และมีกลิ่นหอมขึ้น ขณะที่ในต่างประเทศก็มีบางประเทศที่มีพฤติกรรมคล้ายคนไทย และบางประเทศที่เทตามปริมาตรการใช้งานจริงๆ

คนไทยยังนิยมใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรธรรมดา เนื่องจากต้องการกลิ่นอ่อนโยน หรืออยากใช้สูตรอ่อนโยนสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ขณะที่บางส่วนไม่ชอบปรับผ้านุ่มที่กลิ่นแรง เนื่องจากความกลัวไปกลบกลิ่นน้ำหอมที่ฉีด ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความต้องการปรับผ้านุ่มที่มีกลิ่นหอมละมุน แต่อยู่ได้นานทั้งวัน ดังนั้น ผู้บริโภคชาวไทย 90% เลือกซื้อน้ำยาปรับผ้านุ่มจากกลิ่นที่ชื่นชอบ และใช้กลิ่นเดิม

นอกเหนือจากพฤติกรรมของคนไทยในเบื้องต้นดังกล่าว ยังพบว่าประเทศไทยมีการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูงที่สุดในโลก เนื่องมาจากพฤติกรรมการใช้สินค้าที่มีกลิ่นเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับสินค้าในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า น้ำหอม สเปรย์ปรับอากาศ ฯลฯ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคอยากที่จะใช้สินค้าที่ให้กลิ่นหอมในการซักผ้าด้วย ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มตลาดยังโตได้อีก ตลาดคึกคักมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และตลาดยังคงเติบโตทุกปี แม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี หรือมี COVID-19 ก็ยังโต 7-8% พฤติกรรมการใช้งานที่เรียกว่า “หนักมือ” หรือมีการเทน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เกินปริมาตรการใช้งานจากที่บริษัทผู้ผลิตคำนวณไว้ให้

ที่สำคัญ ปริมาณการเทน้ำยาปรับผ้านุ่มต่อครั้งของคนไทยจะเทเยอะมาก สูงที่สุดในโลก เทแบบหนักมือ ใช้มากกว่าค่ามาตรฐาน บางคนไม่ได้วัด แต่เทตามใจฉัน และเทตามความรู้สึกว่าจะทำให้ผ้านุ่มและกลิ่นหอมขึ้น ซึ่งในต่างประเทศก็มีบางประเทศที่ทำเหมือนไทย และบางประเทศที่เทตามปริมาตรการใช้งานจริงๆ

ทั้งนี้ สินค้าน้ำยาปรับผ้านุ่มได้กลายเป็นสินค้าที่คนไทยมีไว้มากที่สุด พบว่ามีสัดส่วนมากถึง 91% ของครัวเรือนไทยที่มีผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่ม ส่งผลเป็นประเทศที่มีผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในครัวเรือนสูงเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ในปี 2023 ผ่านมา ตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มมีมูลค่าถึง 14,398 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยประมาณ 7% โดยมีดาวน์นี่เป็นเจ้าตลาดมีส่วนแบ่งประมาณ 37% นอกจากนี้ สัดส่วนของน้ำยาปรับผ้านุ่ม ประกอบด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นประมาณ 76% และน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรธรรมดาประมาณ 24%

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles