สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยว่า ในปี 2023 ผ่านไป จำนวนประชากรจีนทั้งประเทศลดลงถึง 2.08 ล้านคน หรือ -0.15% ทำให้มีประชากรลดลงเหลืออยู่ที่ 1,409 ล้านคน นับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่ประชาชนจีนในประเทศลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ในช่วงเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในจีนแผ่นดินใหญ่ พบว่าในปี 2022 มีประชากรจีนในประเทศลดลง 850,000 คน ซึ่งในปีนั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 63 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1961 ที่ประชากรลดลงท่ามกลางยุคอดีตประธานาธิบดีเหมา เจ๋อตุง
จำนวนทารกจีนเกิดใหม่ในปี 2023 ลดลงมากถึง -5.7% เหลือเพียง 9,200,000 คน ส่งผลอัตราการเกิดใหม่ในจีนอยู่ที่ 6.39 คนต่อประชากร 1,000 คน ทำสถิติเด็กทารกจีนเกิดใหม่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากในปี 2022 อัตราดังกล่าวลดต่ำลงอยู่ที่ 6.77 คนต่อประชากร 1,000 คน
ขณะที่จำนวนชาวจีนเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นถึง 6.6% มีคนจีนเสียชีวิตมากถึง 11.1 ล้านคนในปีผ่านไป ทำสถิติจำนวนคนจีนในประเทศเสียชีวิตมากที่สุดในรอบ 49 ปี หรือนับตั้งแต่ยุคปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนเป็นต้นมา
อัตราการเกิดของทารกใหม่ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่กลายเป็นปัญหาเกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน โดยมีจำนวนเด็กทารกเกิดใหม่ลดลงในช่วงหลายทศวรรษผ่านมา เป็นผลจากนโยบายลูกคนเดียวของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ที่ใช้ระหว่างปี 1980 ถึงปี 2015 หรือเป็นเวลา 35 ปีต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยการขยายความเป็นเมืองใหม่ไปสู่ท้องถิ่นมากขึ้นในช่วงทศวรรษดังกล่าว ส่งผลให้ประชากรชาวจีนตามที่อยู่ห่างไกลหรือตามชนบทล้วนอพยพเข้ามาตั้งรกรากหากินในเมืองใหญ่และเมืองรอบนอก ส่งผลต่อค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูลูกสูงมากขึ้นเรื่อยๆ
องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เปิดเผยว่า คาดการณ์จำนวนประชากรจีนจะลดลงมากถึง 109 ล้านคนภายในอีก 26 ปีข้างหน้า หรือเมื่อถึงปี 2050 นั่นหมายถึงเฉลี่ยประชากรจีนลดลงถึงปีละเกือบ 4.2 ล้านคน ซึ่งจำนวนประชากรจีนลดลงดังกล่าวนี้ทำสถิติมากกว่าถึง 3 เท่าจากการคาดการณ์เดิมของยูเอ็นเมื่อปี 2019
ในปีผ่านไป ปัจจัยลบในเศรษฐกิจครอบครัวและค่าครองชีพของคนจีนในประเทศยังกลายเป็นปัจจัยซ้ำเติมการมีบุตรของคนจีนในประเทศชัดเจน ได้แก่ อัตราการว่างงานของคนจีนรุ่นหนุ่มสาววัยแรงงานและวัยทำงานพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ จนกระทั่งรัฐบาลต้องยกเลิกการประกาศรายงานอัตราการว่างงานของคนกลุ่มหนุ่มสาวชาวจีน อัตราค่าจ้างมนุษย์เงินเดือนของภาคเอกชนตกต่ำอย่างมากในรอบหลายทศวรรษ วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่ในจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งฝั่งบริษัทเอกชนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีภาวะหนี้เสียพุ่งสูงจนส่งผลให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนผิดนัดชำระหนี้พุ่งสูง และล้มละลายหลายบริษัท และส่งผลถึงหนี้เสียของประชาชนจีนในประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน
ขณะนี้ เศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่และจ่อไปในระยะยาวเผชิญกับจำนวนคนทำงานและแรงงานรวมถึงผู้บริโภคลดลงน้อยลงไปเรื่อยๆ ท่ามกลางค่าใช้จ่ายในการดูแลประชากรจีนสูงอายุ และค่าใช้จ่ายด้านสิทธิสวัสดิการยามเกษียณตกอยู่ในข้อจำกัดอย่างรุนแรง เนื่องจากภาวะก่อหนี้รัฐบาลจีนระดับมณฑลพุ่งสูงขึ้นมากจากการที่ต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในมณฑลตนเองที่ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่จากเศรษฐกิจในภาพรวมของจีนแผ่นดินใหญ่ที่ตกค่ำในรอบ 30 ปี
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เปิดเผยต่อไปว่า ด้านจำนวนประชากรจีนสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป พบว่าเพิ่มสูงมากขึ้นเป็น 296.97 ล้านคนในปีผ่านไป ซึ่งคิดเป็น 21.1% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศจีน ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอีก 16.93 ล้านคนจากในปี 2022 หรือภายในปีเดียว แนวโน้มคนจีนสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นรวดเร็วซึ่งคาดว่าจะมีมากเป็นกว่า 400 ล้านคนภายในอีก 11 ปีข้างหน้า หรือในปี 2035
