นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ข้อสำคัญหลังจากนี้ประเทศไทยและรัฐบาลจะต้องเร่ง Unlocking และ Tranform ไปให้ได้ โดยการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเทคโนโลยีเอไอ การค้า ยุทธศาสตร์พลังงานทุกอย่าง และเรื่องต่างๆ หวังให้ปลดล็อกศักยภาพประเทศไทยให้มีศักยภาพแข่งขันกับประเทศอื่นๆได้ ตามทันโลกใหม่ เพราะไทยไม่ได้ปรับเปลี่ยนมานาน และมีกฎหมายล้าหลัง ซึ่งนายกฯได้รับทราบแล้ว พร้อมกับปลดล็อกกำลังซื้อประชาชน เศรษฐกิจฐานราก สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ พร้อมให้สภาพคล่องเอสเอ็มอี และแข่งขันการค้าการเกษตรได้
นอกจากนี้ต้องปลดล็อกการค้าเสรี (FTA) ทั้งยุโรป อาเซียน แคนาดา และอื่นๆ ขณะที่เรื่องสำคัญที่ต้องปลดล็อกคือความโปร่งใส ด้านคอร์รัปชัน เพราะเป็นมะเร็งร้ายสร้างความเสียหายมากถ้าปลดล็อกคอร์รัปชันไม่ได้ จะส่งผลเสียต่อการลงทุนประเทศ เชื่อว่าไทยต้องต่อสู้คอร์รัปชัน โดยภาคเอกชนจะร่วมกับหน่วยงานสำคัญที่จะประกาศความร่วมมือในเร็วๆนี้ เช่น องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ปปท. เป็นต้น โดยอยากให้รัฐบาลประกาศซีโร่ คอร์รัปชันเป็นนโยบาย และมองว่าถ้าพรรคการเมืองไหนประกาศซีโร่ คอร์รัปชันเชื่อว่าจะได้เสียงจากประชาชนมาก
ทั้งนี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้ไว้ที่ 1.8-2.2% การส่งออก 2-2.5% เงินเฟ้อ 0-0.5% ซึ่งจะมีการปรับอีกครั้งในเดือน พ.ย.นี้ โดยประมาณการเศรษฐกิจปี 69 เห็นความหวังจากการที่มีรัฐบาล มีนายกฯ มีรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจจากคนนอกเข้ามาช่วยคงขับเคลื่อนดีกว่ารัฐบาลรักษาการ แม้จะมีระยะเวลาสั้น 4 เดือน แต่นายกฯ ให้ความสนใจรับฟังความเห็นภาคเอกชนพอสมควร และออกเป็นนโยบายระยะสั้นครบถ้วน ถูกต้อง
ขณะเดียวกันต้องติดตามว่าความร่วมมือด้านการค้าเสรี FTA EU ในยุโรป และการเจรจาการค้าสหรัฐจะจบอย่างไร โดยเฉพาะในเรื่องกำหนด Local Content หวังว่าจะไม่ต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีผลต่อการส่งออกและเศรษฐกิจในปี 69 รวมทั้งเรื่องการท่องเที่ยวที่ปีนี้ต่ำกว่าคาดมาก ซึ่งที่สำคัญต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีน เพื่อให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย โดยได้แนะนายกฯ เดินทางไปประเทศจีนด่วน หรือหามาตรการดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาประเทศให้ได้