รอยเตอร์ส ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังระดับโลกในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยเอกสารหมุนเวียนภายในบริษัทเมตะ คอร์ปอเรชั่น (META Corp.) พบว่า บริษัทดังกล่าวประเมินตัวเลขคาดการณ์รายได้จากโฆษณาหลอกลวงในปี 2025 นี้สูงถึง 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 592,000 ล้านบาทไทย คิดเป็นประมาณ 10% ของรายได้รวมของบริษัทเมตะ คอร์ปอเรชั่นตลอดปีนี้
โฆษณาดังกล่าวโดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการลงทุนปลอม การพนันออนไลน์ ยาแบบผิดกฎหมาย และสินค้าต้องห้าม ที่แพร่กระจายบนเฟสบุ๊ก อินสตาแกรม และ วอท์ชสแอป นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ใช้แพลตฟอร์มของเมตะต้องเผชิญกับการเห็นโฆษณาหลอกลวงมากถึง 15,000 ล้านรายการต่อวัน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มโฆษณามีความเสี่ยงสูง (High Risk Ads) อย่างไรก็ตาม ระบบตรวจสอบของบริษัทกลับไม่สามารถจัดการได้อย่างทั่วถึง แม้ระบบอัตโนมัติจะสามารถตรวจพบผู้ลงโฆษณาที่น่าสงสัยได้ แต่จะมีเพียงกรณีเดียว คือ บริษัทจะสั่งห้ามเฉพาะกรณีที่มั่นใจมากกว่า 95% ว่าเป็นมิจฉาชีพจริง
แต่ในกรณีที่ผู้ลงโฆษณาที่อยู่ในกลุ่มโฆษณาประเภทน่าสงสัยแต่ยังไม่แน่ชัดนั้น บริษัทเมตะเลือกวิธีที่เรียกว่า Penalty Bids ซึ่งเป็นการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษจากผู้ต้องสงสัยโดยคิดค่าโฆษณาที่แพงขึ้นแทนที่จะลบโฆษณาที่ต้องสงสัยนั้นออกจากระบบ ส่งผลให้บริษัทเมตะมีรายได้จากโฆษณาหลอกลวงมากถึงปีละ 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 259,000 ล้านบาทต่อปี
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้เริ่มการสอบสวนบริษัทเมตะเกี่ยวกับการโฆษณาการลงหลอกลวงไปสู่การลงทุนปลอม สอดรับกับหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในสหราชอาณาจักร หรือยูเค เปิดเผยว่า ในปี 2024 พบว่า กว่า 54% ของความเสียหายจากการฉ้อโกงออนไลน์ในยูเค มีต้นตอจากแพลตฟอร์มของเมตะ ซึ่งมากกว่าทุกแพลตฟอร์มอื่นรวมกัน
ทั้งนี้ เมตะ คอร์ปอเรชั่น กำหนดเป้าลดรายได้จากโฆษณาผิดกฎหมาย โดยลดลงจาก 10.1% ในปี 2024 เหลือ 7.3% ภายในปี 2025 และทยอยลดเหลือ 6% ในปี 2026 และเหลือ 5.8% ในปี 2027