เอสซีบีเอกซ์ โชว์กำไรไตรมาส 1 ปี 68 ทะลุ 12,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จาการคุมต้นทุน และบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2568 จำนวน 12,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ

ในไตรมาส 1 ของปี 2568 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 31,047 ล้านบาท ลดลง 2.2% จากปีก่อน จากการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ และยอดสินเชื่อโดยรวมที่ลดลง 1.0% จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่น ๆ มีจำนวน 10,251 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง ในขณะที่ค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการให้สินเชื่อปรับตัวลดลง

สำหรับ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน 17,140 ล้านบาท ลดลง 5.3% จากปีก่อน จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ และการยุติการดำเนินธุรกิจแพลตฟอร์มโรบินฮู้ดในปี 2567 โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 39.9%

บริษัทฯ ตั้งสำรองลดลง 6.2% จากปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นของธนาคารและธุรกิจกลุ่ม Gen 2 โดยเฉพาะจากบริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด ทั้งนี้ ได้รวมสำรองพิเศษจากการประเมินเบื้องต้นเพื่อรองรับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) คงอยู่ในระดับสูงที่ 156%

ด้านคุณภาพของสินเชื่อโดยรวมอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดี โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 อยู่ที่ 3.45% ลดลงจาก 3.52% ในปีก่อน เงินกองทุนตามกฎหมายของบริษัทฯ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.8%

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปีนี้เริ่มต้นด้วยความท้าทายที่สำคัญ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและความไม่แน่นอนอย่างสูงจากการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอย่างทันท่วงที เช่น การพักชำระหนี้ และการให้สินเชื่อเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบ และคาดว่าผลกระทบต่อธุรกิจของกลุ่ม SCBX มีในวงจำกัด

สำหรับความเสี่ยงจากการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ นั้น บริษัทฯ​ ประเมินว่าจะทำให้ GDP ของประเทศปีนี้ลดลงเหลือร้อยละ 1.5 และมีโอกาสทวีความรุนแรงมากกว่าคาดได้ บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมเชิงรุก โดยติดตามสถานการณ์ของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม และร่วมมือกับลูกค้าในการพัฒนาแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม

แม้จะเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2568 ของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง จากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม อีกทั้งธุรกิจในกลุ่ม Gen 2 และ 3 มีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยต่อยอดผลประกอบการธุรกิจ Gen 1

บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปีที่แล้วในอัตราร้อยละ 80 และยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาความเข้มแข็งทางการเงินเพื่อสนับสนุนลูกค้าและเศรษฐกิจไทย พร้อมกับเพิ่มมูลค่าผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง”

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles