ทุบตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งหนักกว่า 400 จุด ตัวเลขจ้างงานเพิ่มน้อยกว่าคาด มุมมองเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งสูงในปีกว่า

แดงส่งท้าย! ทุบตลาดหุ้น สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ดิ่งหนักกว่า 400 จุด ตัวเลขจ้างงานเพิ่มน้อยกว่าคาด มุมมองเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งสูงในปีกว่า

ตลาดหลักทรัพย์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่าเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2025 (ตามเวลาในสหรัฐ) ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 44,303 จุด -444 จุด หรือ -0.99% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 6,025 จุด -57 จุด หรือ -0.95% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ 19,523 จุด -268 จุด หรือ -1.36% ในสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด -0.54%, -0.24% และ -0.53% สิ้นสุดมกราคม ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง ปิด +4.7%, +2.7% และ +1.6% ตามลำดับ

สาเหตุจากนักลงทุนให้น้ำหนักกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมกราคมที่เพิ่มขึ้นไม่ถึงเป้าหมาย สะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนกุมภาพันธ์ลดต่ำลงในรอบ 7 เดือน ผลสำรวจมุมมองแนวโน้มเงินเฟ้อของผู้บริโภคในสหรัฐ คาดว่าเงินเฟ้อจะสูงขึ้นถึงระดับ 4.3% ซึ่งสูงสุดในรอบ 1 ปี 2 เดือนกว่า หรือตั้งแต่พฤศจิกายน 2023 เป็นต้นมา

รัฐบาลสหรัฐประกาศเก็บภาษีสูงอีก 10% กับสินค้าจีนมีผลตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ขณะที่รัฐบาลจีนตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสูงสุด 15% กับสินค้าสหรัฐ จะมีผลในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ นักลงทุนคลายกังวลในระดับหนึ่งกับสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับแคนาดาและเม็กซิโก หลังจากประธานาธิบดีเม็กซิโกออกมาแถลงว่าได้เจรจาลงตัวกับการแก้ปัญหาแนวชายแดนกับประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้สหรัฐชะลอการบังคับใช้อัตราภาษีเก็บขึ้น 25% กับเม็กซิโกไปนาน 30 วัน

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2025 คณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25 ถึง 4.5% เท่าเดิม ส่งผลเป็นการตึงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นครั้งแรกในรอบปี 2025 นี้ และเป็นครั้งแรกใน 4 เดือนผ่านมา หรือนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 หลังจากได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลงถึงสามครั้งต่อเนื่องรวมลดลง 1.0% ในปี 2024 ผ่านมา

ด้านตัวชี้วัดโอกาสการตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด พบว่า โอกาสปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นของเฟดในมีนาคมอยู่ที่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 41%

ทั้งนี้สิ้นสุดปี 2024 พบว่า ดัชนีหุ้นสำคัญทั้ง 3 แห่ง พุ่งสูง +13%, +23% และ +29% ตามลำดับ โดยเฉพาะ ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ทำสถิติผลตอบแทนดัชนีหุ้นปิดบวกสูงกว่า 20% เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles