ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC คาดว่า อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ในปี 2025 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากผลผลิตและราคาน้ำมันปาล์มดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น แม้ความต้องการบริโภคจะลดลง โดยผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบในปี 2025 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.3%YOY เป็น 3.4 ล้านตัน จากผลผลิตปาล์มน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19.0 ล้านตัน ตามเนื้อที่ให้ผลและผลผลิตต่อไร่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการขยายพื้นที่เพาะปลูกและปริมาณฝนที่เพียงพอ
ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบไทยโดยเฉลี่ยในปี 2025 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.6%YOY มาอยู่ที่ 37.8 บาท/กิโลกรัม ตามราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากสต็อกน้ำมันปาล์มดิบโลกจะลดลง จากความต้องการบริโภคโลกที่จะปรับตัวเร่งขึ้น โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากรัฐบาลใหม่ของอินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันปาล์มดิบอันดับ 1 ของโลกประกาศเพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลจาก B35 เป็น B40 ในปี 2025 สำหรับอุปสงค์น้ำมันปาล์มดิบของไทยในปี 2025 มีแนวโน้มอยู่ที่ 3.3 ล้านตัน ปรับตัวลดลง 3.4%YOY โดยเป็นผลมาจากความต้องการใช้เพื่อผลิตไบโอดีเซลมีแนวโน้มลดลง ตามนโยบายลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลของภาครัฐ ในขณะที่การบริโภคในประเทศและการส่งออกยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจและราคาน้ำมันถั่วเหลืองซึ่งเป็นสินค้าทดแทน การเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงานทางเลือกของภาครัฐ และสภาพภูมิอากาศที่ผันผวนรุนแรง ซึ่งจะกระทบต่อความต้องการบริโภค ผลผลิตและราคาน้ำมันปาล์มดิบ
สำหรับ อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกำลังเผชิญปัญหากำลังการผลิตส่วนเกิน โดยในปัจจุบันอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีกำลังการผลิตเพื่อแปรรูปปาล์มน้ำมันสูงกว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันราว 1 เท่า ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันจัดหาผลปาล์มน้ำมันมาป้อนโรงงานให้ได้มากที่สุด เพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันปาล์มที่ผันผวนสูงและผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการแข่งขันกันพัฒนาความสามารถในการจัดการความเสี่ยงด้านราคาและมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยบริษัทที่สามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเกษตรกร สามารถจัดการความเสี่ยงด้านราคาได้ดี มีต้นทุนการผลิตต่ำ และมีการดำเนินธุรกิจที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล จะประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้และเติบโตได้อย่างยั่งยืน