นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ผ่านไปนั้น สถานการณ์หนี้เสีย หรือ NPL ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.84% เมื่อพิจารณาแยกประเภทหนี้เสียพอร์ตสินเชื่ออุปโภคบริโภคที่รวมบริษัทในเครือของธนาคารพาณิชย์ ปรากฎว่า หนี้เสียสินเชื่อที่อยู่อาศัยในไตรมาส 2 เพิ่มเป็น 3.71% จากเดิมที่ระดับ 3.48 % ในไตรมาส 1 สอดรับกับ หนี้เสียบัตรเครดิตเพิ่มเป็น 3.53% จากเดิมในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 3.17% สอดคล้องกับหนี้เสียสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มเป็น 2.33% จากเดิมในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 2.18% และสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มเป็น 2.74% จากเดิมที่ระดับ 2.65%
ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน แบงก์ชาติ กล่าวว่า แม้ภาพรวมรายได้ของคนจะกลับมา แต่สภาพหนี้เสียก็ขยับขึ้น สาเหตุจากไม่เพียงครัวเรือนตกหลุมรายได้เมื่อตอนโรคโควิด-19 แต่ยังมีภูเขาหนี้ด้วย แม้หลุมรายได้ที่เคยเป็นปัญหาจะดีขึ้น แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการจ่ายหนี้ ภูเขาหนี้จึงยังอยู่ การจะแก้หนี้จึงต้องทำให้รายได้ของคนเพิ่มขึ้นให้จ่ายหนี้ได้ด้วย
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย กำลังจับตาดูกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเห็นสัญญาณว่ากลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทขึ้นไป ก็เริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้ว จากเดิมที่เห็นภาพชัดเจนในกลุ่มรายได้น้อยกว่า 30,000 บาทมาตลอดเวลา