แฟมมิลี่ ดอลลาร์ (Family Dollar) เครือข่ายธุรกิจแฟรนไชส์ค้าปลีกราคาถูกชื่อดังในสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในเครือข่ายร้านค้าปลีกดอลลาร์ ทรี (Dollar Tree) เปิดเผยว่า เตรียมปิดสาขาเกือบ 1,000 แห่งจากทั้งหมดกว่า 8,000 แห่งทั่วสหรัฐ ประกอบด้วย ปิด 600 สาขาภายในสิ้นปีนี้ และปิดอีก 370 สาขาภายใน 2-3 ปีข้างหน้านี้หลังจากหมดสัญญาเช่าพื้นที่ นอกจากนี้ ดอลลาร์ ทรี (Dollar Tree) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ และดำเนินธุรกิจร้านขายปลีกราคาถูกสำหรับตลาดคนชั้นกลางในสหรัฐอเมริกาประกาศปิด 30 สาขาในสหรัฐอเมริกาด้วย
บริษัทดังกล่าวประสบปัญหาในการดำเนินกิจการต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานขาดทุน 1,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 61,560 ล้านบาทในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2024 พลิกจากที่มีกำไร 452.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 16,279 ล้านบาทในปีก่อนหน้านั้น
สาเหตุจาก การบริหารจัดการค้าปลีกที่ผิดพลาด การแข่งขันค้าปลีกออนไลน์รุนแรงจากแบรนด์จีนที่มีชื่อว่า ทีมู (Temu) ที่ออกสินค้ามาขายปลีกในราคาเพียง 4 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 145 บาท นอกจากนี้ ยักษ์ค่าปลีกรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ วอลมาร์ท และทาร์เก็ต ล้วนออกสินค้าที่ขายปลีกในราคาถูกลงมาแข่งขันด้วย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าดูแลสุขภาพ ในราคาไม่เกิน 10 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 360 บาท
นอกจากนี้ บรรยกาศภายในร้าน และคลังสินค้าของแฟมมิลี่ ดอลลาร์ ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้เกิดตรวจพบปัญหาหนูบุกรุกในร้านและคลังสินค้า ส่งผลให้ถูกปรับสูงกว่า 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,440 ล้านบาท รวมถึงกำลังซื้อลดต่ำลงจากผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อระดับสูงต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา
