นางอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยาวะสังคมไทย ไตรมาส 3/2568 พบว่า หดตัวลงเล็กน้อย โดยการจ้างงานในสาขานอกภาคเกษตรขยายตัว ขณะที่ภาคเกษตรกรรมลดลงต่อเนื่อง ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมระดับราคาสินค้า และการเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังสถานการณ์น้ำท่วม โดยในไตรมาสสาม ปี 2568 ผู้มีงานทำมีจำนวนทั้งสิ้น 39.9 ล้านคน ลดลง 0.5 % จากช่วงเดียวกันของปี 2567 การจ้างงานในภาคเกษตรกรรมหดตัว 2.9% จากสถานการณ์อุทกภัย ขณะที่สาขานอกภาคเกษตนขยายตัว 0.6% โดยเฉพาะสาขาการขนส่งและจัดเก็บสินค้าที่ขยายตัว 4.9% รองลงมาเป็นสาขาการผลิต และสาขาการค้าส่งและค้าปลีก ที่ขยายตัว 2.6% และ 1.5% ตามลำดับ ส่วนสาชาโรงแรมและภัตตาคาร และสาขาการก่อสร้างลดลง 0.7%และ 5.4% ตามลำดับ
ส่วนชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยของแรงงานค่อนข้างทรงตัวโดยในภาพรวมอยู่ที่ 43.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่ภาคเอกชนอยู่ที่ 47.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งผู้ทำงานต่ำระดับ และผู้ทำงานล่วงเวลาลดลง 25.7 และ 6.9 ตามลำดับ ค่าจ้างแรงงานของลูกจ้างภาคเอกชนและแรงงาน ในระบบเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 และ 1.6 ตามลำดับ แต่ค่าจ้างเฉลี่ยของกลุ่มอาชีพอิสระลดลง 2.9 % ทำให้ค่าจ้างแรงงานในภาพรวมลดลง 0.3% ซึ่งอาจส่งผลต่อความสามารถในการจับจ่ายใช้สอย
ขณะที่ อัตราการว่างงานในภาพรวมลดลง โดยอยู่ที่ 0.76% หรือมีผู้ว่างงาน 3.1 แสนคน ส่วนอัตราการว่างงานในระบบประกันสังคม อยู่ที่ 1.9% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผู้เสมือนว่างงานเพิ่มขึ้น 8.7 % จากผู้เสมือนว่างงานในภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้น สำหรับประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ได้แก่
-การควบคุมระดับราคาสินค้าเพื่อรักษาความสามารถในการใช้จ่ายของแรงงาน ซึ่งต้องกำกับดูแลการตั้งราคาสินค้าและบริการ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจำเป็น
-การเตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ซึ่งต้องเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยา และควรมีมาตรการฟื้นฟูและสนับสนุนอื่น ๆ อาทิ สนับสนุนปัจจัยการผลิตใหม่ เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ้ย เครื่องมือ เป็นต้น
