นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษกสำนักงาน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวถึงกรณี นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ที่ไม่ยอมออกจากตำแหน่งผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.)โดยยังคงดำรงตำแหน่ง กรรมการ กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของ บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป (JKN) แม้ว่า ก.ล.ต.จะมีคำสั่งลงโทษทางแพ่งว่า กรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหาร บจ.ยังไม่ลงจากตำแหน่งแม้ถูก ก.ล.ต. กล่าวโทษ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทส่วนมากเมื่อ ก.ล.ต.ชี้มูลความผิดแล้ว ผู้บริหารมักลาออกจากตำแหน่งด้วยตนเอง เนื่องจาก บจ.ต่างให้ความสำคัญกับ ธรรมาภิบาล (Governance)
อย่างไรก็ตาม กรณี JKN ถือว่ายังอยู่ในกระบวนการที่ให้เวลาเซ็นยินยอมรับปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง ถือว่ายังไม่มีผลเบ็ดเสร็จหากเจ้าตัวยังไม่ได้รับการเซ็นยินยอม ผู้บริหารยังคงดำรงตำแหน่งทำหน้าที่ได้จนกว่าจะครบกำหนด แต่หากผู้ที่ถูกกล่าวโทษไม่เซ็นยินยอมรับโทษในกรอบเวลาที่กำหนด ก.ล.ต.จะนำส่งสำนวนเข้าสู่กระบวนการตุลาการต่อไป
“มาตรการลงโทษไม่ได้เบ็ดเสร็จเพราะต้องเซ็นยินยอม คนที่ผิดคือคนที่ต้องเซ็นยินยอมตกลง หากเขาไม่ปฏิบัติตาม บริษัทยังแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง บริษัทจะมีความผิด เพราะผิดคุณสมบัติการปฏิบัติหน้าที่”นายเอนก กล่าว
อนึ่ง เมื่อ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. แจ้งว่าคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับบริษัทและนายจักรพงษ์ ในฐานะเป็นบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จหรืออาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลของ JKN โดยให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 4,124,078 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิด 1 ราย เป็นกรรมการหรือผู้บริหาร