นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรงแรมดุสิตธานีกรุงเทพ พร้อมแล้วที่จะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศอย่างเป็นทางการอีกครั้งในเดือนกันยายน 2567 ด้วยรูปโฉมใหม่ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ความเป็นไทยประยุกต์และร่วมสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ของดุสิตธานี และเสริมด้วยความก้าวหน้าล้ำสมัยของเทคโนโลยี เพื่อเป็นโรงแรมไทยชั้นนำที่มีมาตรฐานสากลระดับโลก โดยจะเปิดจองพร้อมกันตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป
สำหรับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่ ได้รับการพัฒนาและก่อสร้างขึ้นใหม่อย่างพิถีพิถัน สมกับเจตนารมย์ของผู้ก่อตั้งในการนำความเป็นไทยให้ปรากฎสู่สากล ด้วยโครงสร้างอาคารสูงสีทองขนาด 39 ชั้น (จากเดิม 22 ชั้น) ที่ประกอบไปด้วยห้องพักสุดหรู ตั้งแต่ห้องดีลักซ์ จนถึงห้องสวีท รวมจำนวน 257 ห้อง (จากเดิม 517 ห้อง) โดยห้องพักทุกห้องสะท้อนความเรียบหรู โอ่อ่า กว้างขวาง ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างเอกลักษณ์ของความเป็นไทย กับความสากลทันสมัยที่ตอบโจทย์การใช้งานของนักเดินทางในยุคใหม่ ด้วยพื้นที่ห้องพักมาตรฐานขนาดเริ่มต้นที่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งการออกแบบภายในนี้ถูกรังสรรค์อย่างประณีต จาก André Fu Studio สตูดิโอออกแบบตกแต่งภายในชั้นนำของเอเชีย ที่ได้รับการยกย่องในระดับสากล
เมื่อปี 2513 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งเดิม เคยสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับคนในยุคนั้น มีห้องนภาลัย ห้องบอลรูมจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สุดและหรูหราที่สุดในกรุงเทพ ขณะที่การกลับมาครั้งนี้ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ยังคงเอกลักษณ์ดังกล่าวไว้ คือ มีพื้นที่จัดเลี้ยงหรือจัดประชุมรวมกันแล้วขนาดใหญ่กว่า 5,000 ตารางเมตร และหนึ่งในนั้นคือ ห้องแกรนด์บอลรูมที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ สามารถรองรับการจัดเลี้ยงในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบส่วนตัวไปจนถึงงานเลี้ยงขนาดใหญ่ในระดับ1,000 คน
นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียม ห้องอาหาร บาร์ต่างๆ รวมถึงบาร์บนชั้นดาดฟ้าที่มีการเล่นระดับหลายชั้น (Multiple Roof Top Bar) เพื่อสร้างประสบการณ์ในการรับประทานอาหารอย่างเหนือระดับที่สร้างสรรค์โดยเชฟที่มีชื่อเสียง
ยังมี “เทวารัณย์ เวลเนส” ศูนย์บริการด้านเวลเนสที่จะนำเสนอสถานที่อันเงียบสงบ และบริการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ให้กับแขกและคนทั่วไปที่สนใจ
ทั้งนี้ความโดดเด่นของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ คือ การถนอมเก็บรักษาสิ่งของอันเป็นสัญลักษณ์ของความทรงจำ หรือชิ้นงานศิลปะ และสิ่งของตกแต่งอันมีค่าจากโรงแรมแห่งเดิมไว้ ไม่ว่าจะเป็นยอดแหลมสีทองที่เป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพแห่งเดิม ที่ได้ถูกนำกลับมาติดตั้งใหม่อีกครั้ง โดยยอดเสาเก่า จะถูกวางครอบด้วยยอดเสาทองใหม่ที่ใหญ่และสวยงามกว่าเดิม รวมถึงเพดานฉลุไม้สักจากห้องอาหารเบญจรงค์เดิม และงานจิตรกรรมผนังจากศิลปินแห่งชาติ ซึ่งสิ่งของอันทรงคุณค่าเหล่านี้จะถูกนำกลับมาเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งของการออกแบบตกแต่งของโรงแรมแห่งใหม่
สำหรับโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสาน มูลค่า 46,000 ล้านบาท ที่ประกอบด้วย อาคารที่พักสุดหรู ภายใต้ชื่อ ‘ดุสิต เรสซิเดนเซส’ และ ‘ดุสิต พาร์คไซด์’ อาคารสำนักงานที่ล้ำสมัย และศูนย์การค้าชั้นนำ รวมถึง Roof Park พื้นที่สีเขียวลอยฟ้าใจกลางกรุงที่มีขนาด 11,200 ตารางเมตร ซึ่งแต่ละโครงการจะทยอยเปิดภายในปี 2568