ก.ล.ต. กล่าวโทษนายประกรณ์ เมฆจำเริญ อดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ( STARK ) ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีการตกแต่งงบการเงินของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564–2565 เพื่อลวงบุคคลใดๆ พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษนายประกรณ์ เมฆจำเริญ อดีตกรรมการและผู้บริหาร STARK ต่อ DSI กรณีการตกแต่งงบการเงินของ STARK และบริษัทย่อย ในช่วงปี 2564–2565 ซึ่งเป็นกรณีขยายผลจากการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหาร STARK จำนวน 10 รายในคราวแรก* โดยปรากฏข้อเท็จจริงที่พิจารณาได้ว่า นายประกรณ์ ซึ่งในขณะเกิดเหตุเป็นกรรมการและผู้บริหารของ STARK และบริษัทย่อย ได้ร่วมกันกระทำกับผู้ต้องสงสัยที่เป็นกรรมการและผู้บริหาร STARK รายอื่น หรือยินยอมให้มีการลงข้อความเท็จ ทำบัญชีไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน หรือไม่ตรงต่อความเป็นจริง ในบัญชีหรือเอกสารของ STARK และบริษัทย่อย ในปี 2564–2565 เพื่อลวงบุคคลใดๆ
การกระทำของนายประกรณ์ เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 312 และมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 และมาตรา 89/7 ประกอบมาตรา 89/24 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) แล้วแต่กรณี ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนายประกรณ์ เมฆจำเริญ ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ยังได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้นต่อ ปปง. ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกรณีการกล่าวโทษกรรมการและผู้บริหารและนิติบุคคล จำนวน 10 รายในคราวแรก และเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า “ก.ล.ต. ให้ความสำคัญการคุ้มครองผู้ลงทุนและการบังคับใช้กฎหมายตามนโยบายปราบปรามที่มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับ STARK ก.ล.ต. ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงประสานความร่วมมือและติดตามความคืบหน้ากับ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว ในครั้งนี้ เป็นการขยายผลการตรวจสอบเพื่อดำเนินการกับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม โดย ก.ล.ต. ขอให้มั่นใจว่า จะดำเนินการนำผู้กระทำผิดตลอดจนผู้สนับสนุนการกระทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด”