ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์ ระบบปฏิบัติการเครื่องพีซีระดับโลก และระบบจัดการบริหารข้อมูลระบบคลาวด์ชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานจำนวนหลายพันคนในสายงานธุรกิจแพลตฟอร์มบริหารจัดการข้อมูลระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ที่มีชื่อว่า อาซูร์ (Azure)
ในเวลาต่อมา บิสสิเนนส อินไซเดอร์ สื่อยักษ์ใหญ่ชื่อดังในวงการข่าวธุรกิจเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา รายงานว่า พนักงานในกลุ่มธุรกิจอาซูร์ (Azure) ที่เข้าข่ายถูกปลดออกในครั้งนี้อยู่ในแผนกปฏิบัติการ และฝ่ายวิศวกรรม หรือ Mission Engineering สำหรับในฝ่ายปฏิบัติการนั้น มีพนักงานเข้าข่ายถูกปลดออกมากถึง 1,500 คน
ฝ่ายสื่อสารองค์กร ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า การปรับเปลี่ยนโครงสร้างพนักงาน และโครงสร้างองค์กร เป็นสิ่งที่จำเป็น และเป็นการดำเนินงานปกติในการบริหารจัดการธุรกิจ ไมโครซอฟท์ยังคงจัดลำดับความสำคัญ และกำหนดกลยุทธ์การลงทุนให้เติบโตในกลุ่มธุรกิจสำหรับอนาคตของไมโครซอฟท์ และสนับสนุนลูกค้าของบริษัท และหุ้นส่วนหรือพันธมิตรทางธุรกิจ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 เดือนมกราคม 2024 ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ปลดพนักงานจำนวน 1,900 ตนในกลุ่มธุรกิจเกมมีชื่อว่า เอ็กซ์บอกซ์ (XBox) และ แอคทิวิชั่น บลิสสาร์ด (Activision Blizzard) การปลดพนักงานดังกล่าวคิดเป็น 8% ของกลุ่มธุรกิจเกม
ย้อนกลับไปในปี 2023 ผ่านมา ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์ และระบบปฏิบัติการเครื่องพีซีระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ได้ปลดพนักงานอย่างน้อย 5% หรือราว 10,000 คน จากจำนวนพนักงานประจำที่มีอยู่ทั้งหมด 221,000 คน ในจำนวนพนักงานทั้งหมดดังกล่าวตามข้อมูลเมื่อ 1 กรกฎาคม 2022 เป็นพนักงานประจำในสหรัฐอเมริกาจำนวน 122,000 คน และพนักงานในต่างประเทศประมาณ 99,000 คน
การประกาศปลดพนักงานดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกในปีนี้ และนับเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา และคาดว่าจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 40,800 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2022 ไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ประกาศลดพนักงานซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 2022 โดยเมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ในปี 2022 ไมโครซอฟท์ปลดพนักงานราว 1% ของทั้งหมด สำหรับการประกาศปลดพนักงานในรอบที่ 2 เมื่อปี 2022 ส่งผลกระทบพนักงานประมาณ 1,000 คนขึ้นไป สำหรับการปลดพนักงานรอบแรกเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมปี 2022
สาเหตุในการปรับลดต้นทุนมาจากผลประกอบการของไมโครซอฟท์ อินคอร์ปอเรชั่น ที่ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง โดยสะท้อนจากรายได้ของยอดขายลิขสิทธิ์วินโดวส์สำหรับในเครื่องพีซีที่ยังคงตกต่ำ นอกจากนี้ รายได้ประจำรายไตรมาสเติบโตอย่างช้าที่สุดในรอบกว่า 5 ปี