กกร. ขยับเป้าจีดีพีปีนี้เป็นโต 0.5-1.5% จาก 0.0-1.0% รับคลายล็อกดาวน์-คาดปิดประเทศหนุนเศรษฐกิจ

220
0
Share:
กกร. ขยับเป้า จีดีพี ปีนี้เป็นโต 0.5-1.5% จาก 0.0-1.0% รับคลายล็อกดาวน์-คาดปิดประเทศหนุนเศรษฐกิจ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 0.5-1.5% จากเดิม 0-1% และ คงตัวเลขส่งออกปีนี้ไว้ที่ 12-14% และ เงินเฟ้อ 1-1.2% โดยส่วนหนึ่งมาจากการเปิดประเทศซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

ซึ่งการเปิดประเทศและการคลายล็อคดาวน์ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ โดยได้ทำให้การเดินทางในจังหวัดท่องเที่ยวแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงคาดการณ์อัตราการเข้าพักที่ผู้ประกอบการโรงแรมมองว่าจะขึ้นมาอยู่ที่ 25% ในเดือนพ.ย. เทียบกับ 15% ในเดือนก.ย. ประกอบกับ การจังจ่ายใช้สอยในภูมิภาคดีขึ้นสำหรับภาคการค้าปลีกมองว่าผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว ทางด้านนักธุรกิจต่างชาติในไทยเชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ซึ่งสัญญาณเหล่านี้ทำให้คาดการณ์ภาพเศรษฐกิจในล่วงปลายปีนี้จะมีความคึกคักมากขึ้น และ พร้อมกับมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศของรัฐ

จากการเตรียมการของผู้ประกอบการเพื่อรับการเปิดเมืองเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว โดยภาคเอกชนยังหวังว่า ภาครัฐจะเสริมมาตรการด้วย มาตรการช๊อปดีมีคืน จะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในปลายปีนี้กลับมาคึกคักมากขึ้น และ ต่อเนื่องไปยังปีหน้า และถ้ารัฐมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่นกิจกรรม เทศกาล ทั้งงานลอยกระทง และ งานปีใหม่ก็จะเป็นตัวเสริมให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้นักเดินทาง

สำหรับภาคการผลิตของไทยยังสามารถเติบโตได้ แต่ปัญหาอุปทานตึงตัวส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ทำให้ต้องชะลอการผลิต และไม่สามารถผลิตสินค้าได้มากเท่ากับที่ตลาดต้องการ จึงทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยดัชนีราคาผู้ผลิตสูงขึ้นราว 5% เทียบกับปีก่อนหน้า ด้านผู้ส่งออกยังต้องเผชิญกับต้นทุนค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และ การขาดแคลนตู้ส่งสินค้า จึงต้องติดตามภาวะต้นทุนของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป

ทางด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ยังได้กล่าวว่า ภาคเอกชนอยากเห็นการเปิดประเทศที่ต่อเนื่อง เพราะจะสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนมา อย่าสร้างความซับซน เปิดๆ ปิดๆ เพราะที่ผ่านมาภาคเอกชนเกิดการสะดุดมาตลอดใน 3 ครั้งที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จากการที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ซึ่งภาคอุตสาหกรรมต้องแบกรับต้นทุน หากเศรษฐกิจดีขึ้น สามารถปรับราคาได้ แต่ตอนนี้เศรษฐกิจยังย่ำแย่ ถ้าหากขึ้นราคาก็จะกระทบในวงกว้าง ซึ่งตอนนี้สินค้าต้นน้ำมีการปรับราคาขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เหล็ก อะลูมิเนียม หิน ปูน ทราย สินค้ากลางน้ำ ปลายน้ำก็ต้องปรับขึ้นตามเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่ห่วงคือ กลุ่มเอสเอ็มอี โดยเฉพาะการขภาพคล่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด