นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงภาพรวมสถานการณ์การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ว่า ในปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านมา กนอ. ประสบความสำเร็จในการดึงดูดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายและเช่าพื้นที่เติบโตน่าพอใจ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานพาหนะและอุปกรณ์ (13.48%), ผลิตภัณฑ์โลหะ (10.45%), เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ (9.68%), เคมีภัณฑ์ (7.82%) และผลิตภัณฑ์พลาสติก (6.55%) โดยนักลงทุนจากญี่ปุ่น (23.41%) ยังคงครองแชมป์การลงทุนสูงสุด ตามมาด้วย จีน (16.76%) สิงคโปร์ (9.93%) และสหรัฐอเมริกา (5.79%) ส่งผลให้ปัจจุบัน กนอ. มีเม็ดเงินลงทุนสะสมรวมกว่า 15.32 ล้านล้านบาท และมีการจ้างงานในระบบกว่า 1 ล้านคน
ทั้งนี้ มั่นใจยอดขายที่ดินปี 2569 ที่ 8,000 ไร่ ส่วนในปี 2569 คาดว่าจะมียอดขายที่ดินอยู่ที่ 12,000 ไร่ โดยกนอ.ได้กำหนดยุทธศาสตร์โดยมุ่งสู่การเป็น “Green & Digital Innovation” ซึ่งทิศทางการดำเนินงานจะปรับบทบาทจากผู้พัฒนาที่ดินสู่การเป็น“ผู้สร้างสรรค์ระบบนิเวศอุตสาหกรรมและนักลงทุนเชิงกลยุทธ์” (Strategic Investor) โดยมุ่งเน้น 2 แกนหลัก เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่
1. การมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon City) ตั้งเป้าความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 ซึ่งในปี 2568 มีแผนขยายผลการตรวจรับรอง Carbon Neutrality ให้ครอบคลุมนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ. บริหารจัดการเองทั้ง 13 แห่ง ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco I.E.) ไปสู่ SDG I.E. ที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
นอกจากนี้ ยังเตรียมร่วมมือกับธนาคารโลก (World Bank) และกระทรวงการคลัง ดำเนินโครงการนำร่องในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และแหลมฉบัง ด้วยงบลงทุนกว่า 3,400 ล้านบาท เพื่อติดตั้งระบบพลังงานสะอาด ทั้งโซลาร์ลอยน้ำและโซลาร์รูฟท็อป รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพพลังงาน ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 91,250 ตันต่อปี และสร้างรายได้จากคาร์บอนเครดิตให้กับองค์กร
2. พลิกโฉมสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Transformation) โดยการพัฒนาระบบการเงินแบบ Cashless เต็มรูปแบบ เพื่อรองรับการชำระเงินดิจิทัลทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น Mobile Banking หรือ QR Payment เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ เพิ่มความโปร่งใส และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลระดับสากล โดยคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ภายในปี 2569
ส่วนความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญ ในปีงบประมาณที่ผ่านมา กนอ. ได้เร่งขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลักเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และยังเตรียมผนึกกำลังพันธมิตร หนุน SMEs เข้าสู่ Supply Chain ระดับโลก ผ่านแนวทาง “Quick Big Win” โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) เชื่อมโยงผู้ผลิตชิ้นส่วนไทยกับบริษัทชั้นนำระดับโลก อาทิ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ Supply Chain ไทย และผลักดันให้เกิดการใช้ Local Content ภายในประเทศมากขึ้น เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เตรียมมอบของขวัญปีใหม่ ด้วยการจัดโปรโมชั่น “ฟรี 2 ต่อ” ใน 3 นิคมอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับนักลงทุน โดยมาตรการส่งเสริมการเช่าที่ดินใน 3 นิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร, นิคมอุตสาหกรรมสงขลา และนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว โดยมอบสิทธิประโยชน์ “ฟรี 2 ต่อ” คือ ต่อที่ 1 ฟรีค่าเช่าที่ดิน 2 ปีแรก และ ต่อที่ 2 ฟรีค่าบริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก 2 ปี สำหรับผู้ที่ทำสัญญาเช่าตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2569 เพื่อลดต้นทุนและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มธุรกิจได้อย่างมั่นคง