นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกบข. กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการบริหารเงินให้กับสมาชิกนั้น ในระยะปานกลางถึงระยะยาว ต้องให้ผลตอบแทนเอาชนะเงินเฟ้อให้ได้ เงินเฟ้อต้องบวกไม่น้อยกว่า 2% ของตัวค่าเฉลี่ย 10 ปีก็ถือว่าเป็นเป็นค่าเฉลี่ยที่ไม่ใช่เป็นตัวที่แบบสั้นเกินไปหรือว่าไม่ได้ยาวจนเกินไป
ในปี 2567 นี้ กบข.จะปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม เช่น การลงทุนในตลาดทุน อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ความว่าหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดทุนไปหมด และเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทองคำ และน้ำมัน เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งสงคราม ในปีนี้เป็นปีที่ท้าทายกว่าในปีผ่านมา เนื่องจากความเสี่ยงของสงคราม และการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดในต่างประเทศหลายแห่ง พร้อมกับความไม่แน่นอนของเส้นทางดอกเบี้ยระยะสั้น
กบข. เปิดเผยว่า ในปี 2566 ผ่านไป มีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ 1.48 % และมีสินทรัพย์ในพอร์ตอยู่ 130,000 ล้านบาท ปัจจุบัน มีสมาชิกรวม 4 แสนคน สำหรับในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างไม่เป็นทางการอยู่ที่ราว 2-3%
ทั้งนี้ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกบข.เป็นกองทุนที่มีมูลค่ามากถึง 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.3 ล้านล้านบาท นับเป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย