นายประดิษฐ์ เฟื่องฟู รองผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือ PEA ในฐานะโฆษกประจำ กฟภ. พร้อมด้วย นายประสิทธิ์ จันทร์ประสิทธิ์ รองผู้ว่า กฟภ. กล่าวว่า ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2539 เห็นชอบหลักการให้ PEA ขายไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้านในบริเวณหมู่บ้านที่ใกล้กับเขตชายแดนของประเทศไทย โดยไม่ต้องขออนุมัติในระดับนโยบายอีก
ทั้งนี้ ให้นำเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อทราบ ยกเว้นมีประเด็นนโยบาย ที่สำคัญให้เสนอพิจารณา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน PEA มีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเฉลี่ยปีละ 800 ล้านบาท จากยอดขายไฟทั้งหมดที่ 6 แสนล้านบาท ในราคาเท่ากับประเทศไทย ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ไม่เป็นไปตามข่าวที่กล่าวอ้าง โดยการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้เมียนมาปัจจุบันมี 5 จุด แบ่งเป็นพื้นที่
1. บ้านเจดีย์สามองค์ – เมืองพญาตองซู รัฐมอญ บริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
2. บ้านเหมืองแดง – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
3. สะพานมิตรภาพไทย – พม่า – เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน บริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
4. สะพานมิตรภาพไทย – พม่า แห่งที่ 2 อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง บริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
5. บ้านห้วยม่วง – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง มีบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry & Manufacturing Company Limited (SMTY) ผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
การจ่ายไฟฟ้าในจุดซื้อขายไฟฟ้าไปยังเมียนมา คู่สัญญาทุกจุดซื้อขายไฟฟ้าเป็นผู้ได้รับสิทธิสัมปทานการซื้อขายไฟฟ้าจากรัฐบาลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยผ่านการรับรองความถูกต้องและความน่าเชื่อถือด้านเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ และ PEA ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงของไทยในพื้นที่ก่อนจำหน่ายไฟฟ้าไปยังเมียนมา
ดังนั้น กรณีการงดจ่ายไฟฟ้าหรือบอกเลิกสัญญา มี 2 กรณี ได้แก่ 1. คู่สัญญาดำเนินการผิดสัญญา เช่น ไม่ชำระค่าไฟฟ้าตามกำหนด หรือไม่วางหลักประกันสัญญา และ 2. กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ PEA จำเป็นต้องมีหนังสือเป็นทางการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงการต่างประเทศ ก่อนการดำเนินการบังคับใช้ข้อสัญญาดังกล่าว ซึ่งเป็นกระบวนการเดียวกัน กับการเริ่มทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า หากเป็นในเรื่องนโยบาย PEA จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากครม.
สำหรับในปี 2566 สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย ขอให้กระทรวง การต่างประเทศของไทยแจ้ง PEA ดำเนินการระงับการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่ 2 จุดที่บ้านวังผา อ.แม่ระมาด – บ.ก๊กโก๋ อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง – อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง
ส่วนอีก 1 จุด ปี 2567 ในพื้นที่ อ.เชียงแสน – เมืองพงษ์ จ.ท่าขี้เหล็ก คู่สัญญาผิดนัดชำระค่าไฟฟ้า ทำให้ PEA ยกเลิกจุดซื้อขายไฟฟ้าทั้ง 3 จุดดังกล่าวแล้ว
“ยืนยันว่าการตรวจสอบว่ามีการกระทำใดที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของ ประเทศไทยนั้น PEA ไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวในประเทศของคู่สัญญาได้ จึงต้องอาศัยหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจประสานงานในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และแจ้ง PEA เพื่อดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ PEA ได้จัดทำหนังสือเป็นทางการผ่านกระทรวงการต่างประเทศไปยังหน่วยงานของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อขอให้กำกับดูแลและควบคุมการจ่ายไฟฟ้าให้เป็นไปตามสิทธิสัมปทาน ณ จุดซื้อขายไฟฟ้า หากหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศไทยตรวจสอบและพิจารณาว่าการจ่ายไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย และ แจ้งให้ PEA ดำเนินการงดจำหน่ายไฟฟ้าตามขั้นตอนต่อไป
“ที่หยุดจ่ายไฟไปเพราะรัฐบาลเมียนมาประสานมาให้ยุติ จึงมีแค่ 2 เหตุการณ์เท่านั้น ซึ่งกรณีที่มีข่าวว่าเราขายไฟให้ธุรกิจสีเทา เราได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีเมื่อปลายปีที่แล้ว เพราะเรื่องความมั่นคงที่ผ่านมาเราไม่เคยเอามาพิจารณา จึงต้องประสานทุกหน่วยงานให้ชัดเจน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คาดว่าจะมีการหารือกับผู้เกี่ยวข้องช่วงวันที่ 4-6 ก.พ. 2568 นี้ น่าจะมีความคืบหน้าได้ไม่มากก็น้อยในเร็วๆ นี้ จึงตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า PEA ไม่มีสิทธิ์เข้าไปตรวจสอบในประเทศคู่สัญญา ต้องให้ฝั่งรับบาลคู่สัญญาเป็นผู้แจ้งมาว่ามีบริษัทสีเทาจริง เพราะหากต้องตัดไฟจะกระทบกับผู้ใช้ไฟฟ้าที่ไม่รู้เรื่องด้วย โดยเฉพาะรอยต่อการค้าบายระหส่างประเทศด้วย ดังนั้น จุงกระทบหลายส่วนมาก จึงต้องมีความชัดเจนรอบคอบและรัดกุม
ทั้งนี้ PEA อยู่ระหว่างขอแก้ไขสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างประเทศ ซึ่งไปส่งร่างสัญญาใหกับอัยการสูงสุดแล้ว อาทิ การเพิ่มประเด็นการยืนยันการขายไฟว่าประเทศที่ซื้อไฟไปแล้วไปชายให้ใครบ้าง เช่น ภาคการศึกษา หรือศาสนา เป็นต้น ซึ่งเรื่องความมั่นคงต้องลงรายละเอียดมาก หากได้รับการปรับแก้ไขก็สามารถนำเสนอบอร์ด PEA เห็นชอบได้เลย
ทางด้านเทคนิกหากประเทศเพื่อนบ้านแจ้งมาว่าพบธุรกิจสีเทาก็ต้องตัดไฟทั้งเส้นทันที ซึ่งจะกระทบคนที่บริสุทธฺที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่มีไฟใช้ด้วย เราก็จะกลานยเป็นแพะทันที ทั้งนี้ ปัจจุบันนอกจาก PEA ขายไฟให้เมียนมา 5 จุดรวม 210 ล้านหน่วยแล้ว ยังมีสัญญาการขายไฟให้กัมพูชา 9 จุด 216 ล้านหน่วยและลาว 4จุด 6.3 แสนหน่วย โดยจะรีวิวสัญญาทุก 5 ปี โดยปริมาณรวมทั้งไทยและต่างประเทศที่ 1.7 แสนล้านหน่วย และมีรายได้รวมราว 6 แสนล้านบาทต่อปี