นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (นายนพดล คันธมาศ) นำคณะผู้แทนภาครัฐและนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้มันสำปะหลังในสูตรอาหารสัตว์เดินทางไปขยายตลาดส่งออกสินค้ามันสำปะหลังและสินค้าแปรรูปจากมันสำปะหลัง ณ เมืองฟูกูโอกะ และ เมืองคุมาโมโตะ ภูมิภาคคิวชู ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 2 ตุลาคม 2568 โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักงานตัวแทนส่งเสริมการค้า ณ เมืองฮิโรชิมาเนื่องจากเล็งเห็นว่าแม้ปัจจุบันญี่ปุ่นจะเป็นตลาดส่งออกสินค้ามันสำปะหลังอันดับ 2 ของไทย แต่ยังมีสัดส่วนในการส่งออกสินค้ามันสำปะหลังที่ยังสามารถเติบโตได้เพื่อรองรับต่อความต้องการในอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นได้ ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากตลาดญี่ปุ่นเป็นอย่างดี โดยคณะผู้แทนฯได้มีการเข้าพบปะหารือกับผู้นำเข้าและผู้ผลิตในหลากหลายอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สำคัญในภูมิภาคคิวชูของประเทศญี่ปุ่น อาทิ อุตสาหกรรมการเลี้ยงโคเนื้อ อุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง
ทั้งนี้ เนื่องจากผู้นำเข้าและผู้ผลิตอาหารสัตว์ในประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับคุณภาพและโภชนาการของอาหารสัตว์เป็นอย่างมาก กรมฯ จึงได้เชิญนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสัตว์กระเพาะรวม อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการนำมันสำปะหลังไปแปรรูปเป็นอาหารสัตว์เข้าร่วมคณะเดินทางในครั้งนี้ด้วย โดยได้อธิบายถึงคุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ของสูตรอาหารสัตว์ที่มีมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบโดยเฉพาะโคเนื้อ เนื่องจากภูมิภาคคิวชูเป็นภูมิภาคสำคัญในการผลิตเนื้อวัววากิวที่ขึ้นชื่อของประเทศญี่ปุ่น ทำให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเนื้อวัววากิวมีความสนใจและอาจนำเข้าสินค้ามันอัดเม็ดเข้ามาทดลองใช้เป็นอาหารสำหรับฟาร์มเพาะเลี้ยงลูกวัวเพื่อเตรียมจะเข้าสู่กระบวนการขุนและมีความต้องการอาหารสัตว์สำหรับเป็นแหล่งพลังงานให้กับการเติบโตที่ดี
นอกจากนี้ บริษัทที่ผลิตแป้งสำหรับการทำขนมหวานและบริษัทผู้ผลิตเม็ดไข่มุกในชานมไข่มุกได้ให้ความสนใจในการนำแป้งมันสำปะหลังไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ อีกด้วย เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษในการคงรสชาติและเนื้อสัมผัสของอาหาร อีกทั้งยังตอบโจทย์เทรนด์ฉลากสะอาด (clean label) ที่เน้นใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไร้การตัดแต่งทางพันธุกรรม ซึ่งมันสำปะหลังของไทยเป็นพืชที่ไม่มีการดัดแปลงพันธุกรรม (Non-GMO) จึงสามารถสร้างความมั่นใจและตอบโจทย์ความต้องการอาหารเพื่อสุขภาพของผู้บริโภคตลาดญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี สำหรับตลาดสัตว์เลี้ยงก็ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพตลาดใหม่ของสินค้ามันสำปะหลัง โดยมันสำปะหลังไทยสามารถแปรรูปเป็นทรายแมวซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดูดซับน้ำได้ดี และไม่มีฝุ่นที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพกับแมวและมนุษย์ อันเป็นคุณสมบัติโดดเด่นที่ทำให้ผู้บริโภคในตลาดญี่ปุ่นนิยมทรายแมวจากมันสำปะหลังไทยเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ผู้นำเข้าเห็นว่าคุณสมบัติการดูดซับน้ำของทรายแมวจากมันสำปะหลังยังสามารถต่อยอดเป็นสินค้าจำเป็นในการผลิตห้องน้ำฉุกเฉินสำหรับอุตสาหกรรมการรับมือและป้องกันภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดสูงอีกด้วย โดยบริษัทฯ มีความต้องการที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบการรวมถึงสถาบันวิจัยในไทยเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมาตอบสนองความต้องการในตลาดญี่ปุ่นต่อไป
“ตลาดประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพและสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งมันสำปะหลังไทยตอบโจทย์ในทุกประการ เนื่องจากสินค้ามันสำปะหลังไทยมีชื่อเสียงด้านคุณภาพในระดับโลกมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นมันอัดเม็ดที่นำไปใช้ในสูตรอาหารสัตว์ หรือแป้งมันสำปะหลังที่นำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้รับทราบความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเชิงลึกจากผู้ผลิตและผู้นำเข้าในประเทศญี่ปุ่นจากในอุตสาหกรรมดังกล่าวซึ่งให้ความสนใจในสินค้ามันสำปะหลังของไทยเป็นอย่างยิ่งโดยกรมฯ จะนำข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการวางแผนกิจกรรมขยายตลาดการส่งออกสินค้ามันสำปะหลังในประเทศญี่ปุ่นร่วมกับภาคเอกชนของไทยต่อไป อีกทั้ง ยังได้รับการตอบรับจากตลาดใหม่อย่างตลาดสัตว์เลี้ยงซึ่งถือเป็นสัญญาณอันดีว่าสินค้ามันสำปะหลังไทยมีศักยภาพเป็นอย่างยิ่งในการแปรรูปเป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้บริโภคในอุตสาหกรรมปลายทาง ยิ่งไปกว่านั้น แนวทางการพัฒนาสินค้าเกษตรนวัตกรรมร่วมกันระหว่างผู้ประกอบการญี่ปุ่นกับผู้ประกอบการไทยเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในอุตสาหกรรมการรับมือและป้องกันภัยพิบัติของญี่ปุ่นโดยใช้สินค้ามันสำปะหลังจากไทย ยังถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่มีศักยภาพสำหรับการขยายตลาดสินค้าเกษตรนวัตกรรมของไทยในประเทศญี่ปุ่นในระยะยาวได้ โดยเป็นการต่อยอดจากสินค้ามันสำปะหลังที่ประเทศไทยส่งออกอยู่แล้วได้อย่างดี”
หนึ่งในภารกิจของกรมการค้าต่างประเทศ คือ การพัฒนาศักยภาพและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยทั้งในระดับภูมิภาคและเวทีโลก ดังนั้น การได้รับทราบความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเชิงลึกจากผู้ผลิตและผู้นำเข้าในประเทศญี่ปุ่น จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับกรมฯ ในการดำเนินการวางแผนการขยายตลาดสินค้ามันสำปะหลังในประเทศญี่ปุ่นร่วมกันกับภาคเอกชนไทยในระยะยาว โดยข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงโอกาสช่องทางการส่งออกสำหรับผู้ประกอบการไทยในการยกระดับมูลค่าเพิ่มของสินค้าเพื่อขยายตลาดการส่งออกไปยังอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยกระจายความเสี่ยงทางการค้าให้กับผู้ส่งออกไทย สร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังว่าจะมีตลาดใหม่ที่รองรับผลผลิต และจะส่งผลดีต่อระดับราคาและรายได้ที่มั่นคงของเกษตรกรไทยในระยะยาวต่อไป