กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) จัดอบรมการขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรระหว่างประเทศ ภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty : PCT) เมื่อวันที่ 4 – 6 พฤศจิกายน 2568 ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ นนทบุรี เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในกระบวนการยื่นจดสิทธิบัตรในต่างประเทศผ่านระบบ PCT ให้กับภาคเอกชน สถาบันการศึกษา บริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมาย นักประดิษฐ์นักสร้างสรรค์ และผู้ปฏิบัติงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งส่งเสริมการเข้าถึงบริการ ePCT ซึ่งเป็นระบบยื่นคำขอออนไลน์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้การจดสิทธิบัตรในต่างประเทศรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายยิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสทางธุกิจและปลดล็อกศักยภาพนวัตกรรมของคนไทยก้าวสู่ตลาดโลกได้อย่างเข้มแข็ง
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ระบบ PCT คือระบบอำนวยความสะดวกในการยื่นคำขอจดทะเบียนสิทธิบัตรระหว่างประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) โดยผู้ที่ต้องการจดสิทธิบัตรในต่างประเทศสามารถยื่นคำขอเพียงครั้งเดียว แต่เลือกขอรับความคุ้มครองได้หลายประเทศ จากทั้งหมด 158 ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกสนธิสัญญา ซึ่งครอบคลุมตลาดสำคัญของไทย อาทิ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการยื่นคำขอ โดยไม่ต้องแยกจดทะเบียนทีละประเทศ ซึ่งสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมของประเทศ ไม่เพียงช่วยปกป้องคุ้มครองผลงานสร้างสรรค์จากการลอกเลียนแบบ แต่ยังเป็นแรงจูงใจให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ สนับสนุนภาคอุตสาหกรรมของประเทศให้ก้าวหน้าและแข่งขันได้ในระดับสากล
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ไทยเข้าร่วมภาคีสนธิสัญญา PCT ในปี 2552 มีผู้ประกอบการไทยนำนวัตกรรมไปจดสิทธิบัตรในประเทศต่างๆ ผ่านระบบ PCT มากกว่า 1,100 คำขอ โดย 72% เป็นการยื่นจดทะเบียนในนามนิติบุคคล ซึ่งหน่วยงานไทยที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรผ่านระบบ PCT มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) 2) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และ 3) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำหรับประเทศที่คนไทยยื่นขอจดสิทธิบัตรผ่านระบบ PCT มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) ญี่ปุ่น 2) สหภาพยุโรป และ 3) สหรัฐอเมริกา และเทคโนโลยีที่คนไทยยื่นคำขอ PCT มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1. เครื่องจักรกลไฟฟ้า อุปกรณ์ พลังงาน 2. เคมีแมคโครโมเลกุล พอลิเมอร์ และ 3. เคมีวัสดุพื้นฐาน ตามลำดับ
การอบรม PCT ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่างกรมกับ WIPO เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ นักประดิษฐ์ และหน่วยงานต่างๆ ของไทย ตระหนักถึงความสำคัญของการขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตรในต่างประเทศผ่านระบบ PCT โดยมีผู้เชี่ยวชาญของ WIPO ร่วมเป็นวิทยากรให้คำแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการจดทะเบียนและแนวทางการจัดทำคำขออย่างสมบูรณ์ คาดว่าจะช่วยส่งเสริมให้นักประดิษฐ์นักสร้างสรรค์ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทย ตระหนักถึงข้อดีและหันมาใช้ประโยชน์จากระบบ PCT มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป้าหมายของกรมคือจะมุ่งผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยยื่นจดสิทธิบัตรในต่างประเทศผ่านช่องทาง ePCT ให้ได้ 100% และมีจำนวนคำขอ PCT ไม่น้อยกว่า 100 คำขอต่อปี เพื่อขยายขอบเขตการคุ้มครองนวัตกรรมของคนไทยในตลาดโลก เอื้อประโยชน์ให้การเจรจาถ่ายทอดเทคโนโลยีและการอนุญาตให้ใช้สิทธิในระดับนานาชาติทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างรายได้และการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ การยื่นจดสิทธิบัตรผ่านระบบ PCT เป็นเพียงขั้นตอนแรกในการยื่นคำขอเท่านั้นการได้รับสิทธิบัตรหรือไม่ ยังคงขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศที่ขอรับความคุ้มครอง โดยผู้ยื่นจะมีเวลาเตรียมความพร้อมทางธุรกิจและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ก่อนเข้าสู่กระบวนการจดทะเบียนในประเทศปลายทางอย่างเป็นทางการต่อไป ปัจจุบันระบบ PCT ได้รับความนิยมทั่วโลก แต่ละปีมีผู้ยื่นคำขอ PCT มากกว่า 270,000 คำขอ ในจำนวนนี้มีคำขอที่ยื่นจดสิทธิบัตรในไทยประมาณปีละ 7,000 คำขอ หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของคำขอรับสิทธิบัตรในไทยทั้งหมด สำหรับประเทศที่ยื่นคำขอจดสิทธิบัตรในไทยผ่านระบบ PCT สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น ร้อยละ 37 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 20 และจีน ร้อยละ 12 ตามลำดับ