นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ คณะทำงานดาต้า บูโร (Data Bureau) อยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูล และข้อกฎหมายของทุกหน่วยงาน ซึ่งมีหน้าที่กำกับสินทรัพย์มีค่า อาทิ คริปโทเคอร์เรนซี, ทองคำ เป็นต้น โดยหลักการเบื้องต้นจะเป็นการนำข้อมูลการดำเนินงาน และข้อกฎหมายของทุกหน่วยงานมาเชื่อมกัน เพื่อตรวจสอบว่ามีช่องโหว่ในส่วนใด และหาแนวทางปิดช่องโหว่นั้น ซึ่งจะเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยแก้ไขและป้องกันปัญหาจากแก๊งสแกมเมอร์ได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่ากฎหมายของไทยยังมีช่องโหว่ เนื่องจากแต่ละหน่วยงานต่างมีอำนาจหน้าที่ และมีกฎหมายเป็นของตัวเอง เช่น กรมศุลกากร ก็มีข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้า-ส่งออกทองคำ ซึ่งจะเห็นข้อมูลเฉพาะในส่วนของกรมศุลกากร ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็สามารถเห็นข้อมูลจากการซื้อ-ขายทองคำจากต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งทุกหน่วยงานเห็นข้อมูลทั้งหมด แต่เป็นแบบต่างคนต่างเห็น ยังไม่ครบทุกมิติ ดังนั้นคณะทำงานดาต้าบูโร ที่ตั้งขึ้นมานี้ จึงมีหน้าที่ในการนำข้อกฎหมาย และอำนาจต่าง ๆ มาวางเรียงและต่อเป็นจิ๊กซอว์ เพื่อให้เป็นภาพใหญ่ ซึ่งจะทำให้รู้ว่ายังมีช่องโหว่ในส่วนใดบ้าง
อย่างไรก็ดี ในระยะเร่งด่วนนี้ หน่วยงานที่รับผิดชอบอาจจะต้องออกหลักเกณฑ์เพิ่มเติมในบางเรื่อง เช่น ให้มีการยื่นข้อมูลเพิ่มเติม เป็นต้น แต่ในระยะยาว กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จะออกเป็น พ.ร.ก. ซึ่งเป็นลำดับกฎหมายที่สูงขึ้นไป ดังนั้นหากมีส่วนใดที่ยังไม่มีการกำกับดูแลชัดเจน ก็สามารถเติมเข้าไปใน พ.ร.ก. ฉบับนี้ได้ ทำให้เป็นการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคณะทำงานดาต้าบูโร มีระยะเวลาดำเนินการเพียง 2 สัปดาห์ ซึ่งต้องทำงานแข่งกับเวลาอย่างมาก ทั้งนี้ การเชื่อมโยงข้อมูล ข้อกฎหมายเพื่อเร่งหาแนวทางการปิดช่องโหว่ต่าง ๆ นั้น จะเป็นหนึ่งในแนวทางในการสกัดกั้นแก๊งสแกมเมอร์ที่ยังอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายต่าง ๆ กระทำความผิดอยู่