นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ภายใต้คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้มีการติดตามสถานการณ์ด้านการผลิตและความต้องการใช้น้ำมันปาล์มทุกสัปดาห์ ล่าสุด มอบหมายให้น.ส.ญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ประชุมร่วมกับผู้แทนเกษตรกร ภาคเอกชน ภาครัฐ ทั้งหน่วยงานกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพลังงาน และกรมศุลกากร เพื่อประเมินความต้องการใช้น้ำมันปาล์ม ภายหลังกระทรวงพลังงานมีการปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันดีเซลจาก B7 เป็น B5 ตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่า ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จากกลุ่มไบโอดีเซลลดลง นอกจากนี้การใช้น้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคมีแนวโน้มลดลง จะส่งผลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศเพิ่มขึ้น
โดยการปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันดีเซล ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบลดลงประมาณเดือนละ 20,000 ตัน โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 1.026 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบที่อัตราสกัด 18% อยู่ที่ 0.185 ล้านตัน ขณะที่การส่งออกชะลอตัวจากราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับสูงขึ้นและการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มปรับลดลง ส่งผลให้คาดว่าปริมาณน้ำมันมันปาล์มดิบคงเหลือ ณ เดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ 0.237 ล้านตัน เพิ่มจากประมาณการสัปดาห์ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบ อยู่ที่ 41.75 บาท/กก. ลดลงอย่างต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ซึ่งอยู่ที่ 42.13 บาท/กก. ปัจจัยจากปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลก โดยเฉพาะมาเลเซียลดลงต่อเนื่อง สัปดาห์นี้อยู่ที่ 38.82 บาท/กก. จากสัปดาห์ก่อน 39.06 บาท/กก. และประเทศผู้นำเข้าอย่างจีน เริ่มชะลอการนำเข้าน้ำมันปาล์ม เพราะเข้าสู่ฤดูหนาวการบริโภคน้ำมันปาล์มลดลง ส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันในประเทศ มีแนวโน้มลดลงตามสถานการณ์ต่างประเทศ อยู่ที่ 7.55 บาท/กก. จากเดิม 7.70 บาท/กก.
ทั้งนี้ ด้านการผลิต สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดการณ์เดือนธันวาคม 2567 ผลผลิตปาล์มน้ำมัน 1.007 ล้านตัน ใกล้เคียงกับเดือนพฤศจิกายน อยู่ระดับต่ำสุดของปี แต่คาดว่าปี 2568 ผลผลิตจะทยอยออกเพิ่มขึ้น โดยมกราคมอยู่ที่ 1.235 ล้านตัน กุมภาพันธ์อยู่ที่ 1.395 ล้านตัน และมีนาคม อยู่ที่ 1.816 ล้านตัน จะส่งผลให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงขึ้น ด้วยเหตุนี้คณะอนุกรรมการฯ เห็นพ้องกันว่า การดูดซับปริมาณน้ำมันดิบในภาคพลังงานและการส่งออก เป็นเหตุสำคัญในการบริหารสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ อย่างไรก็ตาม คณะอนุกรรมการฯ จะติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในประเทศและต่างประเทศทุกสัปดาห์ เพื่อพิจารณาแนวทางและข้อเสนอการบริหารจัดการที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคอย่างเหมาะสมต่อไป พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเฉพาะกิจ กรมการค้าภายใน ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ดูแลการรับซื้อผลปาล์มของเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรม สอดคล้องตามคุณภาพของทะลายปาล์มน้ำมัน หากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการรับซื้อผลผลิต แจ้งได้ที่สายด่วน 1569 หรือ สำนักงานพาณิชย์จังหวัด