สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุถึงสถานการณ์ ปาล์มน้ำมัน เดือนมิถุนายน 2567 ว่า ราคาปาล์มน้ำมันที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคม เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 4.09 บาท/กก. จากเดือนพฤษภาคมกิโลกรัมละ 3.95 บาท ทั้งนี้มีสาเหตุจาก ผลผลิตจะออกสู่ตลาดลดลงจากเดือนพฤษภาคมประมาณ 1.649 ล้านตัน โดยปาล์มน้ำมันให้ผลผลิตต่อเนื่องทั้งปี โดยช่วงที่ให้ผลผลิตน้อยคือ ปลายปีต่อเนื่องต้นปี ส่งผลให้ราคาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน 2567 ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 4 บาทกว่าถึง 5 บาท แต่ช่วงที่ให้ผลผลิตมากที่สุดคือ ตั้งแต่เดือนมีนาคม – มิถุนายน จึงเป็นช่วงที่ราคาปรับลด
สำหรับสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ปี 2567 ซึ่งการผลิตรวมทั้งประเทศ พบว่า (ข้อมูลพยากรณ์ ณ 26 มีนาคม 2567) เนื้อที่ให้ผล 6.381 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีเนื้อที่ให้ผล 6.248 ล้านไร่ โดยเพิ่มขึ้น 132,959 ไร่หรือร้อยละ 2.13 ผลผลิต 18.121 ล้านตัน ลดลงจากปีที่แล้วที่ให้ผลผลิต 18.267 โดยลดลง 146,471 ตันหรือร้อยละ 0.80 ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล 2,840 กิโลกรัมต่อไร่ ลดลงจาก 2,924 กิโลกรัมต่อไร่ โดยลดลงจากปีที่แล้ว 84 กิโลกรัมต่อไร่หรือร้อยละ 2.87
ทั้งนี้ที่คาดการณ์ว่า ภาพรวมเนื้อที่ให้ผลผลิตในภาคใต้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากเกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมันใหม่เมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นการปลูกปาล์มน้ำมันแทนยางพารา บางส่วนขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันแทนพื้นที่นา พื้นที่รกร้าง โดยเริ่มให้ผลผลิตได้ในปีนี้ ทั้งนี้ การขยายเนื้อที่ปลูกปาล์มน้ำมันเมื่อปี 2564 มีสาเหตุมาจากราคาปาล์มน้ำมันตั้งแต่ปี 2564 อยู่ในเกณฑ์ดี
ส่วนผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลผลิตรวมทั้งประเทศคาดว่า ลดลงเนื่องจากในช่วงปลายปี 2565 จนถึงพฤษภาคม 2566 ต้นปาล์มน้ำมันได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนและแห้งแล้ง ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอ ทำให้ทางใบบางส่วนพับ ต้นปาล์มน้ำมันไม่สมบูรณ์ การออกทะลายที่จะเก็บในปี 2567 ลดลง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 จนถึงต้นปี 2567 ปรากฏการณ์เอลนีโญรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนไม่เพียงพอต่อความต้องการของต้นปาล์มน้ำมันซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหนักต่อทะลายลดลง
ขณะที่ผลผลิตปีนี้ซึ่งออกสู่ตลาดมากสุดตั้งแต่เดือนมีนาคม – มิถุนายน คิดเป็นร้อยละ 38 ของผลผลิตทั้งหมด โดยเดือนพฤษภาคมผลผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 1.694 ตัน เกษตรกรเก็บผลผลิตไปกระจุกตัวหน้าลานเท ส่งผลให้ราคาผลปาล์มน้ำมันทั้งทะลายคละที่เกษตรกรขายได้เดือนพฤษภาคมปรับลดมาอยู่ที่เฉลี่ยกิโลกรัมละ 3.95 บาท แต่ระยะนี้ที่เป็นปลายช่วงให้ผลผลิตมากราคาจึงปรับขึ้น