Krungthai COMPASS ประเมินอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี 67 มีแนวโน้มขยับขึ้น ตามทิศทางราคาอาหารสดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และราคาพลังงานที่จะขยับตามการขยายเพดานราคาน้ำมันดีเซล โดยราคาหมวดอาหารสดในเดือน พ.ค. กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน จากราคาผักและผลไม้ที่สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าราคามีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงกว่าปีก่อน เนื่องจากปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้อุปทานโดยรวมในตลาดลดลง สำหรับราคาพลังงานภายในประเทศที่พลิกกลับมาเป็นบวกในเดือน พ.ค. ส่วนหนึ่งจากฐานราคาค่ากระแสไฟฟ้าเดือน พ.ค. 66 ที่ต่ำ
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลได้ทยอยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ตามการสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร และทางการได้ขยายเพดานตรึงราคาน้ำมันดีเซลเป็น ระดับ 33 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย. – 31 ก.ค. 67 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 33 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 67 คาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะยืนที่ระดับ 33 บาท/ลิตรในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากประเมินว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเก็บเงินชดเชยเข้ากองทุนฯ ที่ติดลบสูงถึง 1.1 แสนล้านบาท
Krungthai COMPASS คาดอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 0.8% เพิ่มขึ้นตามต้นทุนราคาสินค้าเป็นสำคัญ อัตราเงินเฟ้อในระยะข้างมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะถูกขับเคลื่อนจากเงินเฟ้อในหมวดอาหารสด และหมวดพลังงานเป็นหลัก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนสูง สะท้อนถึงต้นทุนราคาสินค้าภายในประเทศที่อยู่ในระดับสูงขึ้น (cost-push inflation)
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อหมวดพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปี เฉลี่ยอยู่ที่ 0.42% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2560-2562) ที่ 0.6% บ่งชี้ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแอ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีนี้
ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์รายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน พ.ค. ขยายตัว 1.54%YoY เป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 1.19% จากราคาสินค้าหมวดพลังงาน ที่พลิกกลับมาขยายตัว 7.15%YoY ตามค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน เนื่องจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน ประกอบกับราคาหมวดอาหารสดกลับมาขยายตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 0.39%YoY ทรงตัวจากเดือนก่อนที่ระดับ 0.37%YoY