กสิกรไทยชี้ส่งออกไทยปี 68 โตแค่ 2.5% ชะลอลงเท่าตัวจากปี 67 ที่เป็นประวัติการณ์ สงครามการค้า สงครามภาษี ฉุดชะลอส่งออกปีนี้

กสิกรไทย ชี้ ส่งออก ไทยปี 68 โตแค่ 2.5% ชะลอลงเท่าตัวจากปี 67 ที่เป็นประวัติการณ์ สงครามการค้า สงครามภาษี ฉุดชะลอส่งออกปีนี้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า การส่งออกไทยในเดือน ธ.ค.2567 ขยายตัว 8.7% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป สูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 7.4% โดยมีสรุปดังนี้ ส่งออกคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ตามวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะการส่งออกคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบไปสหรัฐฯ ที่ขยายตัวถึง 61.5% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป ส่งผลให้การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ โดยรวมขยายตัวถึง 17.5% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป ในเดือน ธ.ค. 2567

ส่งออกสินค้าขั้นกลางไปยังจีน อาทิ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง เม็ดพลาสติก และเคมีภัณฑ์ ช่วยหนุนการส่งออกไทยไปจีนเดือน ธ.ค. 2567 ให้ขยายตัว 15.0% เทียบช่วงเดียวกันกับในปีผ่านไป โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเร่งนำเข้าสินค้าท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่ ในขณะที่ส่งออกโซลาร์ เซลล์หดตัวเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน เนื่องจากมาตรการ AD/CVD ของสหรัฐฯ

ทั้งปี 2567 มูลค่าการส่งออกไทยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 300,529.5 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 5.4% ขณะที่มูลค่านำเข้าอยู่ที่ 306,809.8 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 6.3% ส่งผลให้ไทยเผชิญการขาดดุลการค้า (ตามฐานศุลกากร) เป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่ -6,280.4 ล้านดอลลาร์ฯ

ในปี 2568 การส่งออกไทยมีแนวโน้มเติบโตได้ต่ำกว่าปีก่อนหน้าที่ 2.5% โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ยังมีแรงหนุนบางส่วนจากการเร่งนำเข้าสินค้าก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังมีอยู่ แต่การส่งออกไทยยังถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและมีความท้าทาย ดังนี้ สงครามการค้ารอบใหม่กดดันภาพการค้าและอุปสงค์โลก ในเบื้องต้นสหรัฐฯ ยังไม่ปรับขึ้นภาษีนำเข้ากับทุกประเทศ (universal tariff) เพื่อสอบสวนผลกระทบจากการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ แต่ส่งสัญญาณที่จะปรับขึ้นภาษีนำเข้ากับเม็กซิโก แคนาดา และจีน ส่งผลให้การส่งออกไทยไปยังสหรัฐฯ อาจได้รับอานิงส์บวกบ้างเพื่อทดแทนตลาดดังกล่าว อาทิ ชิ้นส่วนยานยนต์ ถุงมือยาง ยางล้อ เครื่องพิมพ์ (Printers) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมการส่งออกไทยอาจต้องเผชิญแรงกดดันจากการค้าและอุปสงค์โลกที่ชะลอลง การแข่งขันในตลาดโลกที่สูงขึ้น และการส่งออกไปจีนที่คาดว่าชะลอลง

ความเสี่ยงที่จะโดนสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าเนื่องจากการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูง โดยสินค้าที่มีความเสี่ยงเป็นสินค้าที่ไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ สูง และได้อานิงส์จากการเข้ามาลงทุนหรือย้ายฐานการผลิตของจีนในสงครามการค้ารอบแรก อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และโซลาร์เซลล์ อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ คงขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาและขนาดการปรับขึ้นภาษี รวมถึงผลการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีขึ้นในช่วงเดือนก.พ. 2568

ในภาพรวมการส่งออกไทยปี 2568 คาดว่าจะได้รับผลกระทบสุทธิจากสงครามการค้าเป็นลบที่ราว 0.5% ซึ่งได้รวมอยู่ในประมาณการส่งออกล่าสุดแล้ว จากการส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ลดลงในสินค้าบางรายการที่มีความเสี่ยง การส่งออกไปจีนที่ลดลงในสินค้าที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการผลิตจีน และการแข่งขันกับสินค้าจีนที่มากขึ้นในตลาดคู่ค้าของไทย

สุดท้าย ภาคการผลิตของโลกส่งสัญญาณชะลอตัว ส่วนหนึ่งถูกกดดันจากความต้องการสินค้าที่ลดลงท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายภายใต้ทรัมป์ 2.0 เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ในหลายพื้นที่ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ของโลกยังอยู่ในภาวะหดตัวในเดือน ธ.ค. 2567 ที่ 49.6 ตามผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles