นางสาวกฤติกา บุญสร้าง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน อาวุโส ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ มีแนวโน้มจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ซึ่งเป็นอัตรา ดอกเบี้ย ที่สูงสุดในรอบ 10 ปีต่อเนื่องในการประชุมวันที่ 10 เมษายนที่กำลังจะถึงนี้
ในขณะที่ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ ได้แก่ เงินเฟ้อนั้นได้ปรับลดลงเป็นติดลบ 5 เดือนติดต่อกัน ซึ่งทำให้มีการเรียกร้องจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะแรงกดดันจากรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยลงได้แล้ว
ทั้งนี้ มีการประเมินว่า แบงก์ชาติต้องการรอช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตัดสินใจปรับลดอัตราลดดอกเบี้ยดังกล่าวในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกับธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดที่จะเริ่มลดดอกเบี้ย เพื่อเป้าหมายในการลดผลกระทบต่อค่าเงินบาทที่อาจผันผวน
ขณะที่ ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด โดยเฉพาะประธานเฟด นายเจอโรม พาวเวลล์ ได้กล่าวในคืนผ่านมาว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อเร็วๆนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อ หรือตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นล้วนปรากฏว่าสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามตัวเลขเหล่านี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงภาพรวมที่ว่าได้สะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้น และยังสามารถสร้างจุดสมดุลใหม่ให้กับตลาดการจ้างงาน ในขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางลดลงไปยังเป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งในบางช่วงบางเวลาอาจมีเงินเฟ้อขึ้นๆลงๆได้
ภายใต้ความแข็งแกร่งของภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และความก้าวหน้าของภาวะเงินเฟ้อมาถึงขณะนี้ ธนาคารกลางสหรัฐมีเวลาที่จะให้ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจได้หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อจะเป็นแนวทางให้กับธนาคารกลางสหรัฐในการพิจารณาการตัดสินใจในแต่ละการประชุมทุกครั้ง ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐพัฒนาในภาพกว้างอย่างที่คาดการณ์ไว้ ทั้งโดนส่วนตัว และผู้กำกับนโยบายการเงินมีความเห็นร่วมกันว่าการลดดอกเบี้ยระยะสั้นจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมในช่วงเวลาหนึ่งในปีนี้ แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกรรมการที่กำกับนโยบายการเงินมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังจะเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องเพื่อเข้าหาเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 2%