ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ แจ้งความคืบหน้าในการดำเนินคดีที่ได้มีการฟ้องร้องให้ บมจ. สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) (ผู้ออกหุ้นกู้) ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยของหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 (STARK239A,STARK249A) และหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 (STARK245A, STARK255A) ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ซึ่งศาลได้อ่านคำพิพากษาแล้วเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 และได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษา ซึ่งครบกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติตามคำพิพากษาในวันที่ 23 พ.ค. 67 นั้น
บัดนี้ ได้ล่วงพ้นกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ออกหุ้นกู้มิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาดังกล่าว ดังนั้น ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะดำเนินการบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไปโดยเร็ว และหากมีความคืบหน้าที่สำคัญประการใด ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นกู้รับทราบต่อไป
อนึ่ง เมื่อวันที่ 23 เม.ย. ศาลแพ่งสั่งให้ STARK จ่ายเงินให้กับธนาคารกสิกรไทย (KBANK) โดยต้องชดใช้หุ้นกู้ 4 รุ่น กว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยและค่าเสียหายอีก 1 ใน 4 โดยกำหนดให้จ่ายภายใน 30 วัน ไม่เกินวันที่ 23 พ.ค. 67
นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ทนายความจากสำนักกฎหมาย VLA กล่าวว่า แม้ STARK ยังไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายตามที่ KBANK ฟ้องได้ทันตามกำหนด แต่กฎหมายก็เปิดช่องให้สามารถขอขยายเวลายื่นอุทธรณ์ได้ ในเวลาที่กำหนด หรือภายใน 23 มิ.ย. 67 แต่การอุทธรณ์ STARK ต้องวางเงินประกันเท่ากับมูลค่าความเสียหาย ซึ่งดูแล้ว STARK อาจไม่มีเงินวางประกันเพื่ออุทธรณ์ได้ โดย KBANK ต้องไปไล่เบี้ยกับ STARK ซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดทรัพย์สินของ STARK ไปแล้ว
ขณะที่ KBANK ในฐานะผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เตรียมอุทธรณ์ของปรับวงเงินค่าความเสียหายเพิ่มเติม ส่วนคดีที่ที่ประชาชนเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง STARK เพื่อรับเป็นคดีแบบ Class Action ศาลแพ่งจะเริ่มไต่สวน STARK และพวก 24 รายครั้งแรก ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ และคาดว่าจะใช้เวลาไต่สวนราว 3-4 เดือน จึงจะทราบผล