ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายทำกำไรหุ้นหลายกลุ่ม อาทิ กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า และไฟแนนซ์ ระหว่างรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นตลาด อย่างไรก็ดี ภาพรวมตลาด หุ้นไทย ดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมาตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ ซึ่งกระตุ้นแรงซื้อหุ้นโดยเฉพาะกลุ่มปิโตรเคมีและวัสดุก่อสร้าง
ดัชนีหุ้นไทยกลับมาย่อตัวลงอีกครั้งในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์สอดคล้องกับสถานะการลงทุนของต่างชาติที่กลับมาขายสุทธิหุ้นไทย ประกอบกับมีปัจจัยลบจากการที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดประมาณการจีดีพีไทยทั้งปีนี้และปีหน้าลง 0.3% ไปที่ระดับ 2.3% และ 2.7% ตามลำดับ ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรในหุ้นหลายกลุ่ม นำโดย กลุ่มแบงก์ รวมถึงกลุ่มวัสดุก่อสร้างและปิโตรเคมีที่ดีดตัวขึ้นไปสูงก่อนหน้านี้ อนึ่ง หุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายสัปดาห์สวนทางภาพรวมของตลาดหุ้นภูมิภาค
ในวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. 2567 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,450.15 จุด ลดลง 0.11% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 57,371.50 ล้านบาท ลดลง 6.68% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 1.24% มาปิดที่ระดับ 354.53 จุด
สัปดาห์ถัดไป (30 ก.ย.-4 ต.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,440 และ 1,420 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,460 และ 1,475 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดท่านอื่น และทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและภาคบริการ การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงานเดือนก.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของญี่ปุ่น ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนก.ย. ของจีน ญี่ปุ่น และยูโรโซน รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนก.ย. ของยูโรโซน