กูรูเตือนสินค้าจีนจ่อทะลักไทยมากสุดในรอบ 10 ปี มูลค่าสูงเกือบ 90,000 ล้านบาท จับตาดีลภาษีสหรัฐกับจีน หวั่นไม่ลดต่ำกว่า 30% ดันสินค้าจีนไหลทะลักไทยมากกว่าคาดการณ์

กูรูเตือน สินค้าจีน จ่อทะลักไทยมากสุดในรอบ 10 ปี มูลค่าสูงเกือบ 90,000 ล้านบาท จับตาดีลภาษีสหรัฐกับจีน หวั่นไม่ลดต่ำกว่า 30% ดันสินค้าจีนไหลทะลักไทยมากกว่าคาดการณ์

นายอัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระและผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน เปิดเผยว่าภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐที่มีผลบังคับในวันที่ 7 ส.ค. 2568 ผ่านมานั้น สำหรับจีนถูกเก็บภาษีที่ 30% จะทำให้สินค้าจีนส่งออกไปสหรัฐยากขึ้น สินค้าจีนจะถูกกระจายไปยังประเทศอื่น ๆ ทั้งอาเซียน ตะวันออกกลาง และแอฟริกาแทน ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่สินค้าจีนจะส่งออกมาขาย

การเบี่ยงเบนทางการค้า (Trade Diversion) ของสินค้าจีนจากตลาดสหรัฐไปสู่ตลาดอื่น ๆ ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในอาเซียนที่สินค้าจีนจะทะลักเข้ามาขาย รองจากเวียดนาม และมาเลเซีย โดยเข้ามาในประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วน 2.4% ของสินค้าจีนที่ไปขายสหรัฐไม่ได้

การวิเคราะห์ช่วงปี 2025-2028 พบว่ากรณีที่สหรัฐไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่ 30% ไทยนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มจาก 83,467 ล้านดอลลาร์ เป็น 105,632 ล้านดอลลาร์ กรณีที่สหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนขึ้นเป็น 30% ไทยนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มจาก 2,052 ล้านดอลลาร์ เป็น 2,597 ล้านดอลลาร์ ทำให้ไทยนำเข้าสินค้าจีนรวมทั้ง 2 กรณีเพิ่มจาก 85,520 ล้านดอลลาร์ เป็น 108,230 ล้านดอลลาร์ ส่งผลไทยขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มจาก 46,660 ล้านดอลลาร์ เป็น 63,630 ล้านดอลลาร์

ผลกระทบจากภาษีทรัมป์ที่เก็บกับสินค้าจีน 30% ทำให้สินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทยมูลค่า 69,781-88,298 ล้านบาท โดยสินค้าจีนที่คาดว่าจะส่งออกมาประเทศไทย หลังจากที่ส่งไปขายในสหรัฐลดลง ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องใช้สำหรับโทรคมนาคมและอุปกรณ์เครือข่าย รถยนต์ (สำเร็จรูป/ชิ้นส่วน) และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า สินค้าจีนจะเข้ามาในประเทศไทยสูงสุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากนโยบายรัฐบาลจีนและภาษีทรัมป์ ส่งผลทำให้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนมากเป็นประวัติการณ์ สินค้าจีนที่ทะลักเข้าไทยมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับผลการเจรจาการค้าสหรัฐกับจีนที่จะสิ้นสุดในวันที่ 10 พ.ย. 2568 หากมากกว่า 30% จะส่งผลต่อสินค้าจีนที่จะทะลักเข้ามาในไทยมากกว่าที่ประเมินไว้ข้างต้น

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles