กูรู ชี้ราคาทองผ่านช่วงเทขายหนักสุดในรอบกว่าทศวรรษ จับตาแรงกดดันรอบใหม่ จีนยกเลิกอุ้มภาษีทอง กองทุนรายใหญ่กลับเข้าซื้อหนุนราคาเข้าขาขึ้นรอบใหม่

กูรู ชี้ราคา ทอง ผ่านช่วงเทขายหนักสุดในรอบกว่าทศวรรษ จับตาแรงกดดันรอบใหม่ จีนยกเลิกอุ้มภาษีทอง กองทุนรายใหญ่กลับเข้าซื้อหนุนราคาเข้าขาขึ้นรอบใหม่

นางสาวอารีรัตน์ มุราชัย หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัท จีแคป จำกัด หรือ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ได้รับแรงกดดันรอบใหม่ หลังรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการ “อุ้มภาษีทองคำ” ที่ใช้มาอย่างยาวนาน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา โดยกฎใหม่ที่มีการบังคับใช้สำหรับผู้ค้าปลีกที่ซื้อทองผ่าน Shanghai Gold Exchange (SGE) จะไม่สามารถ นำภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มาหักภาษีตอนขายทองได้อีก

ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว ส่งผลให้ต้นทุนทองคำในประเทศจีนสูงขึ้นทันที อาทิ ทองคำแท่ง, เหรียญ และเครื่องประดับ ซึ่งอาจทำให้ความต้องการทองคำในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดบริโภคทองที่ใหญ่ที่สุดของโลก ชะลอตัวลงในระยะสั้น

อย่างไรก็ตามราคาทองคำในตลาดโลกได้ผ่านช่วงเวลาของการ “เทขายหนักสุดในรอบกว่าทศวรรษ” หลังจากนักลงทุนพากันขายทำกำไรจากระดับสูงสุดที่ 4,380 ดอลลาร์ รวมถึงการไหลออกของเม็ดเงินจากกองทุน ETF และความคลี่คลายจากการเจรจาทางการค้าสหรัฐฯ-จีน และล่าสุดทางกองทุนทองคำขนาดใหญ่เริ่มกลับมาลงทุนในตลาดทองคำครั้งแรกในรอบกว่า 10 วัน รวมมูลค่าภายในวันเดียวกว่า 500 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้ออีกครั้ง หลังจากที่ราคาทองคำเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น พร้อมกันนี้กลุ่มนักลงทุนเชิงกลยุทธ์หรือ CTAs ได้ทยอยลดสถานะขายลง จนเหลือเกือบเป็นกลาง และนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ยังคงถือสถานะซื้อ (Long) อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในทองคำที่ยังไม่หายไปจากตลาด ถึงแม้ว่าราคาจะเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงก่อนหน้านี้

สัปดาห์นี้ ฝ่ายวิเคราะห์ GCAP GOLD ประเมินว่าทองคำอาจเข้าสู่ช่วงสะสมพลังรอบใหม่ ก่อนเตรียมตั้งหลักเพื่อฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะกลางสามารถทยอยสะสมเมื่อราคาย่อตัว โดยคาดว่าทองคำจะสร้างฐานบริเวณแนวรับสำคัญที่ 3,950$3,915 ดอลลาร์ หรือราคาทองคำไทยอยู่ประมาณ 60,300/ 59,800 บาท ซึ่งมีแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตาที่ 4,160-4,185 ดอลลาร์ ราคาทองคำไทยประมาณ 63,500-64,000 บาท โดยหากผ่านโซนแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้คาดว่าจะเปิดทางสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ แม้จะมีปัจจัยจากประเทศจีนกดดันระยะสั้น แต่ปัจจัยหนุนหลักยังมาจาก แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในปี 2569, การเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลก และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงตอกย้ำบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles