ดัชนี SET Index ตลาดหุ้นไทย ปิดที่ระดับ 1,373.14 จุด ปรับลง 3.14 จุด หรือ -0.23% ด้วยมูลค่าซื้อขายสุทธิ 42,491.74 ล้านบาท ตลาดแกว่งแคบตลอดทั้งวันไร้ปัจจัยใหม่ วอลุ่มการซื้อขายเบาบาง นักลงทุนรอติดตามตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ผลประชุมเฟดและความเห็นของประธานเฟดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย รวมถึงตัวเลขรับสมัครงานคืนนี้
โดยการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งไซด์เวย์กรอบแคบ โดยทำจุดต่ำสุด 1,370.70 จุด และทำจุดสูงสุด 1,378.34 จุด
ส่วนตลาด SET 50 ปิด 838.49 จุด ลดลง -2.81 จุด หรือ -0.33% มูลค่าการซื้อขาย 24,178.00 ล้านบาท และตลาด mai ปิดที่ 410.43 จุด ลดลง -0.43 จุด หรือ-0.10% มูลค่าซื้อขาย 1,173.80 ล้านบาท
3 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1. PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,596.67 ล้านบาท ปิดที่ 146.50 บาท ลดลง 3.00 บาท
2. PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,201.72 ล้านบาท ปิดที่ 34.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
3. BJC มูลค่าการซื้อขาย 1,173.41 ล้านบาท ปิดที่ 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบตลอดทั้งวัน ไร้ปัจจัยใหมี่ที่มีผลต่อดัชนี ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงและจีนปรับลงจากประเด็นศาลสูงฮ่องกงมีคำสั่งให้บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ ยุติกิจการและขายสินทรัพย์ อีกทั้งตลาดหุ้นไทยวอลุ่มการซื้อขายยังไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังรอติดตามปัจจัยจากทางฝั่งสหรัฐ อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน, ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเห็นของประธานเฟดต่อแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตลาดมองโอกาสลดดอกเบี้ยในรอบนี้ลดลง และน่าจะมีการลดดอกเบี้ยครั้งแรกเดือน พ.ค. หรือเดือน มิ.ย.
ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลงเล็กน้อย เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางไม่ได้มีความรุนแรงเพิ่มเติม
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานของสหรัฐคืนนี้ ซึ่งหากไม่ได้พุ่งขึ้นแรง ตลาดน่าจะไม่ได้ไปไหนไกล และยังต้องเกาะติดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีนโยบายพรรคก้าวไกลหาเสียงแก้มาตรการ 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ อาจส่งผลให้ดัชนีแกว่งแรง มองแนวต้าน 1,382 จุดและแนวรับ 1,370 จุด