ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง PCL ขายไอพีโอ 410 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้า SET ต่อยอดธุรกิจ

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท พี ซี แอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PCL ผู้นำทางการตลาดเครื่องมือวิเคราะห์และวินิจฉัยทางการแพทย์ในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์การจำหน่ายเครื่องมือวินิจฉัยทางการแพทย์และน้ำยาตรวจวิเคราะห์โรค เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย PCL จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 410 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.05% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจ สินค้าอุปโภคบริโภค ภายในปี 2567 นี้

สำหรับวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ลงทุนซื้อเครื่องมือวิเคราะห์โรคเพื่อขยายส่วนแบ่งทางการตลาด สำหรับธุรกิจผลิต นำเข้า และจำหน่ายเครื่องมือ อุปกรณ์ และน้ำยาตรวจวิเคราะห์โรค และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ โดยลงทุนในเครื่องมือวิเคราะห์โรค ได้แก่ เครื่องมือวิเคราะห์โรคเบาหวาน/ไขมันในเลือด/กรดยูริค ฮอร์โมนไทรอยด์ สารบ่งชี้มะเร็ง เป็นต้น, ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน จำนวนไม่เกิน 700 ล้านบาท (Bridging Loan)

นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อลงทุนในศูนย์ตรวจสุขภาพ PCL Wellness & Longevity และลงทุนซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสุขภาพเพิ่มเติม โดยปรับปรุงห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (LAB) ของ PCT ที่ให้บริการกับลูกค้าทั่วไปให้เป็นศูนย์ตรวจสุขภาพ PCL Wellness & Longevity และลงทุนซื้อเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสุขภาพเพิ่มเติม เช่น เครื่องเอกซเรย์ทั่วไประบบดิจิตอล (Digital General X-ray) เครื่องตรวจสแกนกระดูก (Bone Scan) เครื่องดิจิทัลแมมโมแกรม และอัตราซาวนด์เต้านม (Mammogram and Breast Ultrasound) เป็นต้น, พร้อมกันนี้ยังใช้เพื่อลงทุนซื้อเครื่องมือและเทคโนโลยีชั้นสูง ได้แก่ เครื่อง CTC (Circulating Tumor Cells) ใช้ตรวจหาเซลล์มะเร็ง และเครื่องตรวจระดับฮอร์โมนหรือวิตามิน ด้วยหลักการ HPLC เป็นต้น และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ทั้งนี้ PCL ประกอบกิจการ 3 ประเภทดังนี้
1. ผลิต นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือ อุปกรณ์และน้ำยาตรวจวิเคราะห์โรค และเครื่องมือวิทยาศาสตร์
2. บริการรับตรวจวิเคราะห์โรคสำหรับห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และให้บริการตรวจสุขภาพสำหรับบุคคลทั่วไป
และ 3. ผลิต พัฒนา และจัดจำหน่ายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้กับเครื่องมือแพทย์ และให้บริการติดตั้งระบบซอฟต์แวร์พร้อมบริการซ่อมแซมบำรุงรักษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และน้ำยาตรวจวิเคราะห์โรคต่างๆ ภายใต้ตราสินค้าของผู้ผลิต 36 ตราสินค้า ที่ผ่านการรับรองและมีใบอนุญาตนำเข้าจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (อย.) เป็นที่เรียบร้อย รวมถึงการตรวจวิเคราะห์ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ และการพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับเครื่องมือแพทย์

ด้านนายพิสิษฐ์ วรรณวิทยาภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พี ซี แอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PCL เปิดเผยว่า เป้าหมายของการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ เพื่อสร้างการเติบโตและโอกาสในการขยายธุรกิจให้มีความแข็งแกร่ง นำพาองค์กรเดินไปข้างหน้าด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญมุ่งมั่นทุ่มเท และให้บริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าได้อย่างเป็นที่น่าพอใจ

“ด้วยจุดเด่นของ PCL ที่มีประสบการณ์มากถึง 30 ปี อีกทั้งยังเป็นผู้พัฒนาระบบ Lab Automation และจัดหาเทคโนโลยีด้านการตรวจวิเคราะห์โรค โดยนำเข้าผลิตภัณฑ์จากบริษัทชั้นนำในต่างประเทศ จำหน่ายให้กับโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงสถานพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ด้วยคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก การบริการและระบบสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมของ P C L Holding อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานด้านคุณภาพในหลายๆ ด้าน อาทิ ISO 9001, ISO 15189, ISO 27001 และการจัดการที่หลากหลาย นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังจัดจำหน่ายซอฟแวร์หรือโปรแกรมสำหรับห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจในสินค้าและบริการให้กับลูกค้า จึงทำให้ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง” นายพิสิษฐ์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมในปี 2564-2566 เท่ากับ 3,858.98 ล้านบาท 2,859.05 ล้านบาท และ 2,280.73 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งบริษัทฯ มีนโยบายที่จะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles