ขสมก.เล็งชงบอร์ด 26 ก.พ.นี้ เร่งเปิดประมูลเช่ารถเมล์อีวี 1,520 คัน ให้บริการ ส.ค.นี้

องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยความคืบหน้า”โครงการเช่ารถโดยสารประจำทาง” (รถเมล์) ปรับอากาศพลังงานสะอาด (EV) ว่าขสมก.เตรียมเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) 26 ก.พ.นี้ เพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดหารถเมล์ EV ระยะที่ 1 จำนวน 1,520 คัน วงเงิน 15,355 ล้านบาท จะใช้งบประมาณผูกพัน 7 ปี ระหว่างปี 2568-2575 ดำเนินการในรูปแบบเช่าผ่านการประมูลแบบ e-bidding ระยะสัญญาเช่า 7 ปี

โดยหลังจาก บอร์ด ขสมก.อนุมัติแล้ว จะเสนอเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมพิจารณาเห็นชอบ ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติในช่วงต้นเดือน มี.ค. 2568 โดยเบื้องต้นคาดว่าจะใช้ระยะเวลาจัดหาผู้ประกอบการแล้วเสร็จภายใน 55 วัน คาดว่าจะลงนามสัญญาเช่าภายในเดือน เม.ย.นี้ และทยอยรับรถล็อตแรกจำนวน 500 คันในเดือน ส.ค. 2568

สำหรับ การเช่ารถเมล์ปรับอากาศ EV ในครั้งนี้ เพื่อทดแทนรถโดยสารธรรมดา (รถเมล์ร้อน) ของ ขสมก. พร้อมทั้งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง และการซ่อมบำรุง คาดการณ์ว่าจะสามารถลดต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 70% ซึ่งจะทำให้ ขสมก. สามารถชำระหนี้สะสมคืนให้ภาครัฐมูลค่า 1 แสนกว่าล้านบาทภายในไม่เกิน 7 ปี โดยในการส่งมอบรถนั้น เอกชนผู้ชนะการประมูล จะต้องไปดำเนินการจดทะเบียน จัดรูปแบบรถ สีของรถตามที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำหนด และเป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัย

นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวว่า ขสมก.มั่นใจว่าเมื่อมีการปรับเปลี่ยนรถเมล์เป็นพลังงานไฟฟ้าจะส่งผลบวกต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายของ ขสมก.ให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยการรับมอบรถเมล์ปรับอากาศ EV ล็อตแรกจำนวน 1,520 คัน จะนำมาให้บริการทดแทนรถเมล์เก่าที่มีอายุกว่า 30 ปี ดังนั้นจะทำให้ ขสมก.ประหยัดต้นทุนค่าซ่อมบำรุงทันที

ขณะเดียวกัน ขสมก.ยังผลักดันการจัดหารถเมล์ปรับอากาศ EV ในระยะต่อไปอีก 1,520 คัน เพื่อทำให้รถเมล์ของ ขสมก.เป็นรถเมล์พลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลด PM2.5 และทำให้ค่าใช้จ่ายของ ขสมก.ปรับลดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการจัดหารถเมล์ในระยะที่ 2 จะดำเนินการในรูปแบบเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ซึ่งปัจจุบันสถานะของโครงการ กระทรวงคมนาคมมีหนังสือไปถึงกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้บรรจุโครงการนี้อยู่ใน Project Pipeline แล้ว

โดยการจัดหารถเมล์ระยะที่ 2 จะขอรับเงินสนับสนุนจากคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (กองทุน PPP) เพื่อเป็นค่าจ้างที่ปรึกษา ดำเนินการศึกษาโครงการนี้ พร้อมทั้งศึกษาความเหมาะสมรูปแบบร่วมทุนระหว่าง PPP Net Cost หรือ PPP Gross Cost คาดว่าภายในปีนี้จะเห็นเป็นรูปธรรม ทำให้ภาพรวมในปี 2568 โครงการจัดหารถเมล์ EV รวมกว่า 3,040 คัน จะดำเนินการแล้วเสร็จและเริ่มทยอยรับมอบให้บริการ

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles