ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2024 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 75.85 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.97 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -2.5% ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน
ด้านราคาน้ำมันดิบ เบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 81.71 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.16 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -1.4% ย้อนไปในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
สาเหตุจากเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวแต่อย่างใด หลังตากตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตอุตสาหกรรมหนักชะลอตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ปริมาณสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ในสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าที่คาดไว้ที่ 1.2 ล้านบา์เรล
เมื่อสิ้นสุดปี 2023 พบว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกทั้ง 2 แห่ง ปิดลดลงกว่า -10% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบปิดรายปีลดลงในรอบ 3 ปี หรือตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา สำหรับในปี 2022 นั้น ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิด +7% สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิด +10%
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-30 มกราคม 2567 ผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยประกาศปรับราคาขายปลีกรวม 8 ครั้ง ประกอบด้วยการขึ้นราคา 7 ครั้ง และการลดราคาเพียงครั้งเดียว สำหรับการปรับขึ้นราคาขาย 7 ครั้ง ประกอบด้วย วันที่ 16 ขึ้น +0.50 บาท วันที่ 18 ขึ้น +0.30 บาท วันที่ 20 ขึ้น +0.30 บาท วันที่ 23 ขึ้น +0.50 บาท วันที่ 25 ขึ้น +0.50 บาท วันที่ 28 ขึ้น +0.40 บาท และ วันที่ 31 ขึ้น +0.30 บาท รวมราคาขายปลีกปรับขึ้น 2.80 บาท/ลิตร ในขณะที่ เมื่อวันที่ 5 มกราคม ลดราคาขายปลีกลง -0.50 บาท/ลิตร เป็นเพียงครั้งเดียว ส่งผลราคาน้ำมันขายปลีกเฉพาะกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ปรับขึ้นสุทธิ 2.30 บาท/ลิตร หรือปรับขึ้น 6.52% ภายในเดือนมกราคม 2567