สถาบันนานาชาติแห่งการพัฒนาการบริหาร หรือ International Institute for Management Development หรือสถาบัน IMD ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยรายงานการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันปี 2025 ของ 69 ประเทศทั่วโลก พบว่าประเทศไทยร่วงลงมากถึง 5 อันดับ จากเดิมในปี 2024 อยู่ที่อันดับ 25 ตกมาอยู่ที่อันดับ 30 ในปีนี้ ส่งผลขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศไทยตกต่ำลงไปอยู่เท่ากับเมื่อ 2 ปีผ่านมา หรือมาตั้งแต่ปี 2023 ไอเอ็มดี เปิดเผยต่อไปว่า อันดับผลงานเศรษฐกิจไทยในปี 2025 ได้รับคะแนน 68.5 ซึ่งมีอันดับลดลงถึง 3 อันดับจากเดิมในปี 2024 อยู่อันดับที่ 5 ลดลงมาเป็นอันดับที่ 8 ในปี 2025 นี้
เมื่อพิจารณาในรายละเอียดทั้ง 5 กลุ่มตัวชี้วัดหลักพบว่า ประเทศไทยสูญเสียอันดับในตัวชี้วัดด้านการลงทุนระหว่างประเทศมากที่สุด โดยมีอันดับลดลงมากถึง 6 อันดับ จากเดิมที่เคยอยู่ที่อันดับที่ 24 ในปี 2024 ตกต่ำลงมาลงมาอยู่อันดับที่ 30 ในปี 2025 นี้ ขณะที่อันดับของตัวชี้วัดด้านการจ้างงานไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนอีก 3 อันดับตัวชี้วัดล้วนมีอันดับเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากนัก ได้แก่ ภาวะราคาสินค้า ขยับขึ้น 4 อันดับ จากเดิมที่อยู่ในอันดับที่ 9 เมื่อปีที่แล้วขึ้นมาอยู่อันดับที่ 13 ในปีนี้ การค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น จากอันดับที่ 6 ในปีที่ผ่านมาเป็นอันดับที่ 4 ในปี 2025 และ ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศไทยขยับเพิ่มขึ้นเบาบางเพียง 1 อันดับ จากในปี 2024 อยู่ที่อันดับ 39 ปรับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 38 ในปีนี้
ไอเอ็มดี เปิดเผยต่อไปว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยในการปรับปรุงสำหรับประเทศไทยได้แก่ จะต้องมีการกำหนดกลยุทธ์ หลายด้านและมีความยืดหยุ่นคล่องตัวสูง การแก้ปัญหาสงครามภาษี จะต้องมีการค้นหา ทางเลือกเพื่อที่จะสร้างความมั่นคง ให้กับระบบเศรษฐกิจประเทศไทยเพื่อต้านทาน ความขัดแย้งด้านปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ และความไม่แน่นอนด้านภูมิเศรษฐกิจ การจัดหามาตรการสนับสนุนภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอี เพื่อปรับตัว และล้อไปกลับข้อบังคับในการดำเนินธุรกิจยุคเศรษฐกิจอีเอสจี(ESG : สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล) ทั่วโลก
การพัฒนานโยบายที่ให้ผลอย่างรวดเร็ว ในการลดช่องว่างบุคลากรที่มีฝีมือในภาคอุตสาหกรรมหลักสำคัญ และการเข้าร่วมความเป็นหุ้นส่วนภาคเอกชน เพื่อเป้าหมายในการช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และความท้าทายทางสังคมที่ประเทศไทยเผชิญอยู่
สำหรับในอาเซียนนั้น พบว่ามีเพียง 5 ประเทศ (ตัวเลขในวงเล็บ คืออันดับโลก) ได้แก่ 1.สิงคโปร์(2) 2.มาเลเซีย (23) 3.ไทย (30) 4.อินโดนีเซีย (40) 5.ฟิลิปปินส์ (51) ที่น่าสนใจมากที่สุดได้แก่ ประเทศมาเลเซีย ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 23 ของโลกแต่มีพัฒนาการในการปรับปรุงอย่างน่าทึ่ง จนกระทั่งได้รับการเลื่อนอันดับมากขึ้นมากที่สุดถึง 11 อันดับ เมื่อเทียบกับอีก 5 ประเทศอาเซียน ตรงกันข้ามกับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1ของอาเซียน ปรากฏว่าถูกลดอันดับลงมากที่สุดถึง 13 อันดับ
สำหรับ 10 ประเทศแรกที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุดจาก 69 ประเทศ (ตัวเลขในวงเล คืออันดับขึ้น หรือลงเมื่อเทียบปี 2024) มีดังนี้ 1.สวิทเซอร์แลนด์ (+1) 2.สิงคโปร์(-1) 3.ฮ่องกง(+2) 4.เดนมาร์ก(-1) 5.สหรัฐอาหรับเอมิเรต(+2) 6.ไต้หวัน(+2) 7.ไอร์แลนด์(-3) 8.สวีเดน(-2) 9.กาตาร์(+9) และ 10.เนเธอร์แลนด์(-1)
สำหรับ 10 ประเทศท้ายสุดที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันจาก 69 ประเทศ (ตัวเลขในวงเล คืออันดับขึ้น หรือลงเมื่อเทียบปี 2024) มีดังนี้ 60.เปรู(+3) 61.กาน่า(+4) 62.อาเจนติน่า(+4) 63.สโลวัก(-4) 64.แอฟริกาใต้(-4) 65.มองโกเลีย(-4) 66.ตุรกี(-13) 67.ไนจีเรีย(-3) 68.นามีเบีย และ 69.เวเนซุเอลา(-2)