ธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่และชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ในภาพรวมของความต้องการท่องเที่ยวของคนจีนแผ่นดินใหญ่ทั้งเที่ยวในประเทศและเที่ยวนอกประเทศ ยังคงห่างไกลจากภาวะปกติในช่วงก่อนเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวของชาวจีนไปต่างประเทศมีการฟื้นตัวที่ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้มากจนกระทั่งตลอดปีนี้
ชินเหลย ฟาน เทนนี่ ซ่ง และแจสมิน ไคว่ ทั้ง 3 คนเป็นนักวิเคราะห์ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยรายงานในต้นเดือนมกราคมปีนี้ ว่า ในสัปดาห์สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2023 ปริมาณที่นั่งของผู้โดยสารในเส้นทางบินระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีนแผ่นดินใหญ่ฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าขึ้นมาเพียง 22% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 การกลับมาของความต้องการท่องเที่ยวไปต่างประเทศของชาวจีนยังคงไม่แน่นอนสูง ดังนั้น จะต้องใช้เวลาเนิ่นนานมากขึ้นที่จะได้เห็นปริมาณที่นั่งของผู้โดยสารในเส้นทางบินระหว่างจากจีนมาอยู่ระหว่าง 70-80% ของช่วงก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19 โดยคาดการณ์ว่า ไม่คาดหวังว่าจะกลับฟ้นตัวในปี 2024 นี้ จนกระทั่งถึงภายในปี 2025
นายทิม แบคชุส และนายอิริค จู นักเศรษฐศาสตร์จากสำนักวิจัยเศรษฐกิจ บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ หรือบีไอ ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กชื่อดังระดับโลก เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลจีนจะผ่อนคลายหลายมาตรการในการเดินทางเข้าออกประเทศของทั้งคนจีนและคนต่างชาติ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยี่ยม มาเลเซีย เป็นต้น โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ความต้องการเดินทางและท่องเที่ยวไประหว่างประเทศในเส้นทางจากประเทศจีนนั้น ยังคงซบเซา เซื่องซึม
สาเหตุจากสภาพเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา และความมั่นใจภาคเอกชนกับภาวะเศรษฐกิจจีนที่ลดต่ำลง ทำให้ยังคงตัดลด และควบคุมค่าใช้จ่ายเดินทางทางอากาศภายในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงปัจจัยลบอื่นๆ ได้แก่ แรงงานจีนตกงาน อัตราค่าจ้างตกต่ำในรอบหลายปี ราคาตั๋วโดยสารแพง ค่าเงินหยวนที่ร่วงอ่อนค่าในรอบหลายปี และข้อจำกัดในการออกวีซ่าเดินทางไปต่างประเทศ ดังนั้น ตลาดคนจีนเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศจะไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็ม 100% เทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิดในปี 2019 ในสิ้นปีนี้