คนรวยหนีไม่พ้นเศรษฐกิจโลกแย่ จบกุมภาพันธ์ 3 ค่ายแบรนด์ซุปเปอร์คาร์ระดับโลกแห่ปลดพนักงานพรึบกว่า 2,800 คน

คนรวยหนีไม่พ้นเศรษฐกิจโลกแย่ จบกุมภาพันธ์ 3 ค่ายแบรนด์ซุปเปอร์คาร์ระดับโลกแห่ ปลดพนักงาน พรึบกว่า 2,800 คน

สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2025 ยังคงไม่มีสัญญาณในการฟื้นตัวที่ชัดเจนหรือแม้แต่จะเติบโตไปในอนาคต ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ระดับซุปเปอร์คาร์หรูหราของโลก ที่ต้องปรับลดตัดค่าใช้จ่ายลงอย่างชัดเจน ในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มี 3 ค่ายรถซุปเปอร์คาร์ชื่อดังระดับโลกพร้อมใจกันประกาศปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก

เริ่มจากในคืนผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดและเชื่อถือได้ในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ระดับหรูหราที่ประเทศจีน เปิดเผยว่า เมอร์ซิเดสเบนซ์ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับหรูหราชื่อดังของโลกจากประเทศเยอรมนี เตรียมที่จะปลดพนักงานครั้งใหญ่ 10 ถึง 15% หรือคิดเป็นจำนวนสูงสุด 750 คน ในสายงานที่เกี่ยวข้องกับงานขายและการเงินนอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะตัดลดค่าใช้จ่ายในสำนักงานของเมอร์ซิเดสเบนซ์ในประเทศจีนลงมากถึง 25% อีกด้วย

กระแสข่าวดังกล่าวสอดคล้องกับในช่วงสัปดาห์ผ่านไปเมอร์ซิเดสเบนซ์เอจีเปิดเผยว่าบริษัทจะต้องใช้นโยบายในการควบคุม และตัดลดค่าใช้จ่ายทั่วโลก รวมถึงเตือนว่าผลประกอบการโดยเฉพาะรายได้ของเมอร์ซิเดส เบนซ์ ทั่วโลกในปี 2025 จะลดลง อย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานในปี 2024 ผ่านไป

ในขณะที่โฆษกจากฝ่ายสื่อสารองค์กรของเมอร์ซิเดสเบนซ์ในประเทศจีนไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อข่าวดังกล่าว ที่จะมีการปลดพนักงานในสัดส่วน 10 ถึง 15% ของจำนวนพนักงานเมอร์ซิเดสเบนซ์ 5,000 คนในประเทศจีน ทั้งนี้ นายฮารัลด์ วิลเฮล์ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน หรือซีเอฟโอ เมอร์ซิเดสเบนซ์ ได้กล่าวกับ นักลงทุนในการประชุมแถลงผลประกอบการของบริษัทเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า บีเอเอซี ซึ่งเป็นบริษัทที่ร่วมลงทุนผลิตรถยนต์กับพันธมิตรรัฐวิสาหกิจผลิตรถยนต์มีชื่อว่าบีเอไอซีในประเทศจีน เตรียมที่จะตัดลดค่าใช้จ่ายด้านวัตถุดิบในการผลิตรถยนต์มากถึง 10% และตัดลดต้นทุนในการผลิตรถยนต์ลงมากถึง 20%

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ผ่านมา แอสตัน มาร์ติน (Aston Martin) แบรนด์รถยนต์ซุปเปอร์คาร์ระดับตำนานสุดหรูหราและคลาสสิก ซึ่งมีอายุมากกว่า 112 ปีจากสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า เตรียมตัดลดค่าใช้จ่ายด้วยการปลดพนักงาน 5% หรือมากกว่า 170 คนทั่วโลกจากจำนวนพนักงานในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังได้ประกาศเลื่อนการเปิดตัวรถยนต์แอสตันมาร์ตินที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้า หรือบีอีวี 100% ออกไปอย่างไม่มีกำหนด สาเหตุจากผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงต้องการขับเคลื่อนการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคต

นายแอนเดรียล ฮอลล์มาร์ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือซีอีโอ แอสตัน มาร์ติน เปิดเผยว่า หลังจากในช่วงที่ผ่านมาแอสตันมาร์ตินได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ในเชิงรุกอย่างเข้มข้น จัดการความท้าทายในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากนั้น ความสนใจและ. มุ่งเน้นได้ย้ายมาเป็นการให้ความสำคัญกับการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจะต้องสร้างผลการดำเนินงาน ด้านการเงินอย่างยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ

การปลดพนักงานมากกว่า 170 คนในครั้งนี้ส่งผลให้มาร์ตินสามารถประหยัดค่าใช้จ่าย 25 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง 31.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,075 ล้านบาท สำหรับในด้านการผลิตและการตลาดนั้นแอสตันมาร์ตินจะหันไปเน้นลำดับความสำคัญในรถประเภทปลั๊กอิน ไฮบริด หรือพีเอชอีวี ในชื่อรุ่นวัลฮัลลา (Valhalla) นอกจากนี้ ได้ตัดสินใจเลื่อนการเปิดตัวและผลิตรถอีวีแอสตันมาร์ตินครั้งแรกออกไปเป็นช่วงปลายทศวรรษนี้ สาเหตุจากตลาดรถอีวีชะลอตัวอย่างมาก รวมถึงความต้องการของผู้บริโภคที่สนใจรถอีวีระดับหรูหราหดตัวลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แอสตัน มาร์ติน ได้รายงานผลประกอบการเบื้องต้นในปีงบประมาณถึงสิ้นสุด 31 ธันวาคม 2024 โดยเฉพาะการดำเนินงานผลขาดทุนก่อนหักภาษีอยู่ที่ 255.5 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือกว่า 10,897 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาที่ 171.8 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือกว่า 7,327 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ของบริษัทตกต่ำลงจาก 1,630 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือกว่า 69,520 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,580 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือกว่า 67,387 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ผ่านไป ปอร์เช่ เอจี (Porsche) แบรนด์ขายรถยนต์ระดับซุปเปอร์คาร์หรูหราของโลกและอยู่ในเครือโฟล์คสวาเกน เอจี ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งในทวีปยุโรป และในประเทศเยอรมนี เปิดเผยว่า เตรียมปลดพนักงานเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1,900 คน หรือคิดเป็น 15% ของพนักงานทั้งหมดในปัจจุบัน โดยจะมีผลตั้งแต่ปีนี้ไปจนกระทั่งสิ้นสุดปี 2029 หลังจากการปรับลด และปลดพนักงานในรอบแรกยังไม่เพียงพอที่จะตัดลดค่าใช้จ่ายตามเป้าหมายได้

นโยบายการปลดลดพนักงานของปอร์เช่จะเน้นไปยังพนักงานที่ทำงานอยู่ในประเทศเยอรมนีโดยเฉพาะในโรงงานที่ตั้งอยู่ทาง ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นเป้าหมายหลัก การปลดพนักงานของค่ายรถยนต์ปอร์เชในรอบแรก มีจำนวนทั้งสิ้น 2,000 คน จะประกอบไปด้วยการไม่ต่อสัญญาว่าจ้างพนักงานจำนวน 1,500 คน ซึ่งครบกำหนดสิ้นสุดสัญญาลง ในขณะที่มีพนักงานอีกจำนวน 500 คน ที่สัญญากำลังใกล้จะหมดลงในเร็วๆ นี้

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles