นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิส แห่งชาติ จำกัด เปิดเผยว่า ตัวเลขงานวิจัยธนาคารกรุงไทย พบว่าทุกวันนี้ คนไทยโดยเฉลี่ยมีหนี้ต่อครอบครัวประมาณ 700,000 บาท คิดเป็นหนี้นอกระบบอยู่ประมาณ 100,000 บาท เป็นหนี้ในระบบเครดิตบูโรมีลูกหนี้รวมทั้งหมด 33 ล้านราย และมีหนี้รวมในระบบมากกว่า 13.5 ล้านล้านบาท ภาระหนี้ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงคนวัยเจนเอ็กซ์ Gen X ที่อายุ 41-45 ปี และคนวัยเจนวาย Gen Y ที่มีอายุ 29-45 ปี เมื่อรวมทั้ง 2 กลุ่มนี้มีประมาณ 30 ล้านคน โดยคน Gen X มักถูกกล่าวว่าเป็นกลุ่มที่มีภูเขาหนี้ครัวเรือนสูงสุด ส่วนกลุ่มคน Gen Y อายุ 29-45 ปี ประมาณ 16 ล้านกว่าคน มักถูกเรียกว่าเจนเหนื่อย สาเหตุจากต้องหาเงินเลี้ยงดูทั้งครอบครัว
หากมองประเภทตสินเชื่อตามอายุจะสามารถแบ่งได้ ดังนี้ อายุ 33 ปีมีสินเชื่อรถยนต์มากที่สุด (184,000 สัญญา) อายุ 43 ปีมีสินเชื่อบ้านมากที่สุด และมีบัตรเครดิตมากที่สุด และอายุ 57 ปีมีสินเชื่อกับเกษตรมากที่สุด
ขณะเดียวกัน ปัญหาหนี้สูงสุดเฉพาะประเภทก็สามารถแบ่งได้ ดังนี้ กลุ่มสินเชื่อรถยนต์ ในกลุ่มคนอายุ 21- 27 ปี มีสินเชื่อรถยนต์เป็นสัดส่วนมากที่สุด กลุ่มบัตรเครดิต ประเทศไทยมีบัตรเครดิตทั้งหมด 24 ล้านใบ และในนี้มี 8 ล้านใบที่ไม่ได้ถูกใช้เลยใน 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนบัตรที่ใช้งานจริงมีประมาณ 16 ล้านใบ และเป็นหนี้รวมกว่า 5 แสนล้านบาทกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคล ปัจจุบันคนไทยมีสินเชื่อส่วนบุคคลในทุกช่วงอายุ โดยใช้สินเชื่อเพื่อผ่อนของเล็กน้อย เช่น ลิปสติก 150 บาท ผ่อน 3 งวด, กินชาบูผ่อน 3 งวด. กรณีที่เลวร้ายที่สุด คือการผ่อนกาแฟเพียง 1 แก้ว
ทั้งนี้ หากไม่มีมาตรการแก้หนี้คาดว่าภายใน 12 เดือนนับจากนี้ หนี้เสียของคนไทยเจนวาย like หรือคนไทยในช่วงอายุ 31-45 ปี จะพุ่งขึ้นสูงมาก ส่วนคน Gen X จะอยู่ใสภาวะทรงตัว และอาจจะขายทรัพย์สินมาใช้หนี้ได้ ขณะที่คน Baby Boomer สามารถใช้ทองที่น่าจะมีสะสมอยู่ออกมาชำระหนี้ให้หมด เพราะหากไม่ใช้หนี้ ชีวิตของลูกหนี้จะขาดความอิสระในการใช้ชีวิต ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลานานพอสมควรจึงจะแก้หนี้สำเร็จ