นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่าจากผลสำรวจหนี้ครัวเรือนปี 2568 ไทยมีหนี้เฉลี่ย 740,596.94 บาท/ครัวเรือน ซึ่งเพิ่มจากปีก่อน 22.1 % และคนเป็นหนี้นอกระบบสูงขึ้น จากสัดส่วน 30 % เป็น 35% เท่าปี 2554 ดังนี้พึ่งพาหนี้ในระบบจึงลดลงเหลือ 65% ขณะที่มีอัตราผ่อนชำระ 20,290.37 บาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8 %
โดยไทยมีปัญหาหนี้ครัวเรือนมาแล้วกว่า 10 ปี และมีสัดส่วนสูงกว่า 80% ของจีดีพี โดยปี 67 ครัวเรือนไทยมีภาระหนี้ 6 แสนบาท แต่ปีนี้เพิ่มเป็นกว่า 7.4 แสนบาท/ครัวเรือน เพิ่มถึง 22% เป็นอัตราสูงสุดในรอบ 4 ปี สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพทรงตัวสูง และสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ
ส่วนหนี้นอกระบบพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากสินเชื่อในระบบตึงตัวแบงก์ไม่ปล่อยกู้ ทำให้สินเชื่อติดลบต่อเนื่อง 4 ไตรมาสแล้ว จากนี้ต้องจับตามองหนี้เสีย(NPL)เป็นพิเศษ เพราะมีเอ็นพีแอลที่อยู่กลุ่มต้องจับตามมองพิเศษ 6 % ขณะที่เอ็นพีแอลในกลุ่มที่ทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองอยู่ที่ 4% คนจึงผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้น
ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งกระตุ้นจีดีพีโดยเร็ว เริ่มจากโครงการคนละครึ่ง เชื่อว่าหากรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินผ่านคนละครึ่งวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท จะทำให้จีดีพีปี 2568 โตถึง 2% ช่วยลดหนี้ครัวเรือน ยิ่งรัฐกระตุ้นต่อเนื่องจะทำให้เศรษฐกิจปี 2569 ขยายตัว 3-4% ทำให้สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลดลงต่ำกว่า 80% ได้ภายใน3ปี ” นายธนวรรธน์ กล่าวและว่า พร้อมกันนี้ รัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าว ต้องเร่งหาตลาด เร่งหาสินเชื่อให้กับธุรกิจเอสเอ็มอี หามาตรการทำให้สินเชื่อกลับมาเป็นบวกให้ได้ในไตรมาส 4/2568