คนไทยเกือบครึ่งใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มมีกลิ่นหอมแทนซื้อน้ำหอมมาฉีดตัว ไทยเป็นประเทศใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มมากที่สุดในโลก

คนไทยเกือบครึ่งใช้ น้ำยาปรับผ้า นุ่มมีกลิ่นหอมแทนซื้อน้ำหอมมาฉีดตัว ไทยเป็นประเทศใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มมากที่สุดในโลก

ชยภัทร รัชตวิภาสนันท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายความงาม และการดูแลส่วนบุคคลของมินเทล Mintel ประเทศไทย เปิดเผยว่าผลการศึกษา พบว่าคนไทยนิยมใช้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มกลายเป็นกลิ่นประจำวันติดตัว โดยไม่จำเป็นต้องซื้อน้ำหอมมาฉีดตามร่างกาย ทำให้ตลาดน้ำหอม และผลิตภัณฑ์กลิ่นหอมของไทยเติบโตอย่างชัดเจน สะท้อนจากเดือนตุลาคม 2562 ถึงกันยายน 2563 ปรากฏว่ามีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น +2% แต่ในช่วงเวลาเดียวกันระหว่างปี 2566 ถึง 2567 มีการเปิดตัวเพิ่มเป็น +4% ผลศึกษาดังกล่าวยืนยันได้ชัดเจนว่า ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับ 1 ที่มีการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มถึง 91% ของครัวเรือนในไทย ซึ่งเป็นข้อมูลจากบริษัทดาวนี่ ประเทศไทย ผู้ผลิตแบรนด์น้ำยาปรับผ้านุ่มชื่อดังในไทย

ผลสำรวจเปิดเผยต่อไปว่า คนไทย 73% มีพฤติกรรมอาบน้ำมากกว่าวันละ 1 ครั้ง และ 30% ชอบเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมตามชุดที่สวมใส่ ผู้บริโภคคนไทยจำนวนมากยังคงใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นกลิ่นน้ำหอมประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างขั้นตอนการซักผ้า หรือสเปรย์ปรับผ้านุ่มแบบทำเอง

ผู้บริโภคคนไทยสะท้อนให้เห็นว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มมีส่วนสำคัญ 2 อย่าง คือ ช่วยให้เสื้อผ้านุ่ม และเพิ่มความหอม จึงไม่จำเป็นต้องใช้น้ำหอมอีกต่อไป คนไทย 23% ยอมรับว่ากลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มก็เพียงพอแล้วในการใช้เป็นกลิ่นน้ำหอมเป็นประจำทุกวันได้ อย่างไรก็ตาม ความนิยมในกลิ่นหอมของคนไทย คือ ต้องเป็นกลิ่นที่นุ่มนวล และไม่ฉุนจนเกินไป สุดท้าย 40% ของผู้บริโภคคนไทยยังใช้กลิ่นของเสื้อผ้าที่ซักใหม่เป็นเสมือนน้ำหอมประจำตัวอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึงกันยายน 2567 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2563-2564 พบว่าการเปิดตัวผลิตภัณฑ์น้ำยาปรับผ้านุ่มที่มีการอ้างอิงถึงน้ำหอมกลับลดลงจาก 18% เหลือ 9% ทั้งๆ ที่ผู้บริโภคชาวไทยชอบใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นน้ำหอมประจำตัว จึงยังเป็นโอกาสสำหรับแบรนด์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เสริมเสริมกลิ่นน้ำหอมประจำวัน

ติดตาม BTimes ได้ตามช่องทางข้างล่างนี้
Latest Posts

Related Articles