ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือนมีนาคม 2568 ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา จากระดับ 72.67 จุด มาอยู่ที่ระดับ 74.48 เพิ่มขึ้น 1.81 จุด หรือคิดเป็น 2.49% ปัจจัยที่ทำให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นนั้น ได้แก่ ความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย นโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางชาติต่าง ๆ ทั่วโลก แรงซื้อเก็งกำไร และความตึงเครียดของสงครามการค้า
สำหรับการคาดการณ์ความต้องการซื้อทองคำในช่วงเดือน มีนาคม 2568 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 325 ราย ในจำนวนนี้มี 144 ราย หรือเทียบเป็น 44% คาดว่าจะไม่ซื้อทองคำ ส่วนจำนวน 108 ราย หรือเทียบเป็น 33% คาดว่าจะซื้อทองคำ และจำนวน 73 ราย หรือเทียบเป็น 23% ไม่แน่ใจว่าจะซื้อทองคำในเดือนนี้หรือไม่
สรุปกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 13 ราย ในจำนวนนี้มี 5 ราย หรือเทียบเป็น 38% เชื่อว่าราคาทองคำในเดือนมีนาคม 2568 จะเพิ่มขึ้น และจำนวน 5 ราย หรือเทียบเป็น 38% คาดว่าจะลดลง ส่วนจำนวน 3 ราย หรือเทียบเป็น 24% คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาทองคำในเดือน กุมภาพันธ์ 2568
สำหรับการคาดการณ์กรอบราคาทองคำในเดือน มีนาคม 2568 ของผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่มีมุมมอง ดังนี้ ราคาทองคำตลาดโลก (Gold Spot) ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 2,783 – 2,983 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ด้านราคาทองคำแท่งในประเทศความบริสุทธิ์ 96.5% ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 45,900 – 47,900 บาทต่อน้ำหนัก 1 บาททองคำ และด้านค่าเงินบาท ให้กรอบเฉลี่ยบริเวณ 33.09 – 34.54 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
การลงทุนทองคำในเดือน มีนาคม 2568 ราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นผลจากนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล “ทรัมป์” ที่เพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศ และภาวะสงครามทั้งในยูเครนและตะวันออกกลาง
ปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาทองมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น สำหรับการลงทุนในช่วงนี้คือการเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลง และทยอยขายทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น โดยนักลงทุนควรติดตามแนวรับและแนวต้านสำคัญ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบต่อราคาทองคำเพื่อประกอบการวางแผนการลงทุน