น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบเรื่องมาตรการการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอให้มีเป้าหมายในการปรับลดอัตราค่าไฟที่จะประกาศเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้าสำหรับรอบเดือน พฤษภาคม – สิงหาคม 2568 ลงเหลือไม่เกินอัตรา 3.99 บาท/หน่วย โดยไม่ได้ใช้งบอุดหนุนจากภาครัฐ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คาดว่านายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จะแถลงรายละเอียดภายในสัปดาห์นี้
นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุม ครม. ได้กำหนดปรับอัตราเป้าหมายค่าไฟเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 ไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย โดยมอบให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกำกับดูแลให้คณะกรรมกาารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกันดูแล กฟผ. ให้ปรับลดค่าไฟตามเป้าหมาย
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังมีมติให้ กฟผ. และ กกพ. ร่วมกันหา 1) แนวทางแก้ไขสัญญารับซื้อในรูปแบบสัญญารับซื้อไฟฟ้า (Adder-FiT) และเงื่อนไขที่กำหนดให้สัญญาดังกล่าวมีอายุต่อเนื่องโดยมีวันกำหนดสัญญา 2) หาแนวทางแก้ไขปัญหาค่าความพร้อมจ่าย (AP) และค่าพลังงาน (VP) รวมทั้งสัญญารับซื้อไฟฟ้าเงื่อนไขอื่นจากโรงรับซื้อไฟฟ้าเอกชน (IPP) ตามสัญญารับซื้อไฟฟ้าระยะยาว (PPA) ให้สัญญาที่มีเงื่อนไขที่ทำให้รัฐหรือ กฟผ.เสียเปรียบ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร 3) หาแนวทางแก้ไขปัญหาในสัญญารับซื้อไฟฟ้าต่างๆ ที่ทำให้ศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าไม่สามารถบริหารการจัดการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ให้ลดลงได้
นอกจากนี้ยังมีมติให้สำนักงานนโนบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ศึกษาและเสนอแนวทางปรับโครงสร้าง pool gas เพื่อให้ราคาแก๊สธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้ามีราคาต่ำลง โดยกำหนดให้ทันการประกาศราคาไฟฟ้าในรอบกันยายน-ธันวาคม 2568
ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ได้ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม LPG ไว้ ที่ก๊าซหุงต้มครัวเรือนที่ 423 บาทต่อถังขนาด 15 กิโลกรัม แม้ในที่ประชุม กบง. จะมีข้อเสนอให้ขึ้นราคา 1 บาทต่อกิโลกรัม โดยนายพีระพันธุ์ระบุว่าเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนตามหน้าที่ของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานได้อยู่ดูแลมาโดยตลอด ตามนโยบายลดราคาพลังงานของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบค่าเอฟทีสำหรับเรียกเก็บในงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. คงเดิมที่ 36.72 สตางค์/หน่วย ซึ่งสอดคล้องกับอัตราที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอมา เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาท/หน่วยแล้ว ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บเฉลี่ย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็น 4.15 บาท/หน่วย เท่ากับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยในงวดปัจจุบัน