นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในช่วงที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น และน่าจะเห็นตัวเลขการขยายตัวของ GDP ที่ดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ และยังมีโมเมนตัมที่ต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า โดยคาดว่า GDP ปีนี้จะขยายตัว 2.6-2.7% โดยในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการเร่งจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณปี 2567 ที่มีผลบังคับใช้ล่าช้า โดยการเร่งทำนโยบายต่างๆ เท่าที่จะทำได้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งได้ผลิดอกออกผลแล้วในช่วงครึ่งหลังของปี
อย่างไรก็ดี คาดว่าเม็ดเงินจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาทของรัฐบาลจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น 0.3% และส่งผลกระทบยาวไปถึงต้นปี 2568 จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเศรษฐกิจปีนี้เติบโตมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ รัฐบาลยังอยู่นระหว่างพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี โดยตามแผนที่เตรียมไว้ เป็นมาตรการภาษี เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย การบริโภค ซึ่งในปีนี้จะยังไม่ใช้มาตรการ “คนละครึ่ง” แบบที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มุมมองเศรษฐกิจในปีหน้ายังเห็นทิศทางที่ดีในการเติบโตของเศรษฐกิจต่อเนื่องจากโมเมนตัมเศรษฐกิจที่รัฐบาลสร้างขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะการกระจายเม็ดเงินจำนวน 1.45 แสนล้าน ในครั้งเดียว ในมาตรการเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจ ที่จะส่งต่อโมเมนตัมลากยาวไปจนถึงช่วงไตรมาสที่ 1 ในปีหน้า ซึ่งหลังจากนั้นจะต้องมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนในระยะยาวยังต้องเร่งดึงดูดนักลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การดูแลสินเชื่อสำหรับกลุ่ม SME ที่จะต้องทำร่วมกันเพื่อสร้างโมเมนตัมเศรษฐกิจ โดยในปี 2568 รัฐบาลมีความพยามที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวได้มากกว่า 3% ซึ่งจะยังมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วย
