นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมการประชุมหารือกับนายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ พร้อมผู้บริหาร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2568 ในประเด็นแนวทางเพิ่มความเข้มแข็งของบริษัทจดทะเบียนใหม่ผ่านโครงการ Jump+ ซึ่ง เป็นมาตรการกระตุ้นตลาดที่เสนอมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยได้เข้าหารือเบื้องต้นกับกระทรวงการคลังในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีแล้ว ซึ่งจะเป็นการยกเว้นกำไรภาษีส่วนเพิ่ม ให้กับบริษัทที่ร่วมโครงการ แล้วสามารถดำเนินการสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายตลอดระยะเวลาที่เข้าร่วมโครงการ คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนตลาดทุนและเศรษฐกิจไทย
โดยปัญหาของตลาดทุนที่เราเห็นวันนี้คือผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในตลาดหลักทรัพย์เทียบกับช่วง 10 ปีที่ผ่านมาลดลงจริง ซึ่งธุรกิจบางตัวมีผลประกอบการและกำไรลดลงจากวัฏจักรธุรกิจขาลง ขณะที่บางส่วนปรับตัวไม่ทัน ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงมีการพิจารณามาตรการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุน โดยมีการตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษ เพื่อเข้ามาให้คำปรึกษาบริษัทการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) โดยดึงสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนการให้คำปรึกษา เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล
รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ตามโครงการ Jump+ ที่ตลท.เสนอ โดยการยกเว้นกำไรภาษีส่วนเพิ่มให้กับบริษัทที่ร่วมโครงการ ยกตัวอย่าง หากมีกำไรตามที่ตกลงกันไว้ ให้เสียภาษีตามปกติ 20% แต่หากมีกำไรเกินกว่าที่ตกลง จะเสียภาษีส่วนเกิน น้อยลง อาจจะอยู่ที่ 10% เป็นต้น
ทั้งนี้ ในเดือน พ.ค.นี้จะคิกออฟโครงการ Jump+ และปีนี้จะคัดเลือกบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เข้าร่วมโครงการ 50 บริษัท
